ถ้าโรคทางใจคือกิเลส ยังมี โรคทางกายไม่หมด

 
khampan.a
วันที่  7 เม.ย. 2565
หมายเลข  42965
อ่าน  445

หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๖๘๑]

ถ้าโรคทางใจคือกิเลส ยังมี โรคทางกายไม่หมด


ขอกล่าวถึงเรื่องโรคอีก คือโรคกายและโรคใจ ท่านที่มีโรคทางกายก็อาจจะไม่ประมาทแล้ว เพราะเหตุว่าเวลาที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ทราบแน่ว่าจะมีอันเป็นไปต้องพลัดพรากจากโลกนี้แล้วหรือยัง ก็เกิดความไม่ประมาท เจริญสติพิจารณาธรรมได้ เพราะเหตุว่าเห็นภัย คือโรค แต่ท่านที่ยังแข็งแรงดี ก็ไม่ควรจะประมาทเหมือนกัน เพราะเหตุว่าถึงแม้ว่าท่านจะไม่มีโรคกาย แต่โรคใจท่านมีมาก กิเลสนี้มีมากทีเดียวในวัฏฏะที่เนิ่นนานยาวนานมาจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ ถ้าตราบใดยังไม่เจริญปัญญา เพื่อจะละคลายกิเลส ดับกิเลสให้หมดแล้ว กิเลสซึ่งเป็นโรคใจนี้ ก็จะพอกพูนมากขึ้นๆ ยากแก่การที่จะละขึ้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่เข้าใจถูกท่านก็จะเป็นผู้ที่ไม่ประมาท

ในอังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต จตุตถปัณณาสก์ อินทริยวรรคที่ ๑ (โรคสูตร) มีข้อความว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย โรค ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ โรคทางกาย ๑ โรคทางใจ ๑

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้ปฏิญาณความไม่มีโรค ด้วยโรคทางกาย ตลอดปี ๑ บ้าง ๕ ปีบ้าง ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง ๓๐ ปีบ้าง ๔๐ ปีบ้าง ๕๐ ปีบ้าง ผู้ปฏิญาณความไม่มีโรค แม้ยิ่งกว่า ๑๐๐ ปีบ้าง มีปรากฏ

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์เหล่าใด ปฏิญาณความไม่มีโรคทางใจ แม้ครู่หนึ่ง สัตว์เหล่านั้น หาได้ยากในโลก เว้นจากพระขีณาสพ (ผู้สิ้นอาสวะ,พระอรหันต์)

จริงหรือไม่จริง วันหนึ่งๆ ได้ยินได้กลิ่น ใครทราบบ้างว่ามีโรคอะไร โลภะ เป็นโรคไหม โทสะ เป็นโรคไหม ที่เรากำลังเห็นเดี๋ยวนี้ ความจริง จักขุวิญญาณซึ่งเกิดขึ้นเห็นสี เกิดขึ้นขณะเดียวแล้วก็ดับ แล้วจิตอื่นก็เกิดต่อ แต่ปรากฏเหมือนกับว่า เห็นอยู่ตลอดเวลา จักขุวิญญาณเกิดขณะเดียวดับไป จิตอื่นเกิดขณะเดียวดับไป โลภมูลจิต (จิตที่มีโลภะเป็นมูล) เกิด ๗ ขณะ หรือถ้าเป็นโทสมูลจิต (จิตที่มีโทสะเป็นมูล) ก็เกิด ๗ ขณะ หรือถ้าเป็นโมหมูลจิต (จิตที่มีโมหะเป็นมูล) ก็เกิด ๗ ขณะ เพราะฉะนั้น ให้ทราบว่ากำลังเห็นวันหนึ่งๆ ได้ยินวันหนึ่งๆ ได้กลิ่นวันหนึ่งๆ แล้วสติไม่เกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของนามและรูป โรคทางใจจะทับถมทวีคูณในภพหนึ่ง ชาติหนึ่ง มากสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า

“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์เหล่าใด ปฏิญาณความไม่มีโรคทางใจแม้ครู่หนึ่ง สัตว์เหล่านั้นหาได้ยากในโลก เว้นจากพระขีณาสพ”

พระขีณาสพ คือพระอรหันต์ ซึ่งไม่มีโมหมูลจิต ไม่มีอกุศลจิตใดๆ เกิด เพราะเหตุว่า ท่านดับเชื้อของอกุศลแล้ว

น่ากลัวไหมโรคทางใจ? โดยมากก็กลัวโรคทางกายกัน แต่ที่โรคทางกายจะมีได้ ก็เพราะเหตุว่ายังมีกิเลสคือโรคทางใจ ถ้าดับกิเลสหมดแล้ว ไม่มีการเกิด ไม่มีนามไม่มีรูป จะมีโรคทางกายได้อย่างไร แต่ว่าโรคทางกายที่รู้สึกว่าหวาดกลัวกันมาก เป็นห่วงวิตกกังวลทุกข์ร้อน มูลเหตุมาจากโรคทางใจ ถ้าโรคทางใจคือกิเลส ยังมี โรคทางกายนั้นไม่หมด ก็จะยังมีภพมีชาติ มีการที่จะต้องประสพกับความทุกข์กายอยู่เรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะเห็นโทษเห็นภัยของโรคทางใจ


กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 8 เม.ย. 2565

ขอบพระคุณ และยินดีในความดีของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 8 เม.ย. 2565

กราบอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ