มูลนิธิศึกษา-เผยแพร่พระพุทธศาสนากับแดนพุทธภูมิ 2 : ข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๕
เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ออนไลน์ คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล” ได้เผยแพร่บทความ เรื่อง "มูลนิธิศึกษา-เผยแพร่พระพุทธศาสนากับแดนพุทธภูมิ 2" มีรายละเอียดดังนี้
มูลนิธิศึกษา-เผยแพร่พระพุทธศาสนากับแดนพุทธภูมิ 2
“กฎแห่งกรรม” เป็นไปตามผลของกรรมที่เคยกระทำมาในครั้งอดีตชาติ พระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเป็นที่พึ่งแก่ชาวพุทธ เพราะคำสอนของพระองค์ไม่เคยนำความทุกข์มาให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดเลย ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนย่อมจะมีความทุกข์ลดน้อยลง
ชาวพุทธพึงทราบว่า ความจริงของชีวิตในปัจจุบันชาติ คือ แต่ละคนเกิดมาล้วนมีทุกข์กันทั้งสิ้น แตกต่างตามฐานานุรูปของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นไปตาม “กฎแห่งกรรม” เป็นไปตามผลของกรรมที่เคยกระทำมาในครั้งอดีตชาติ พระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเป็นที่พึ่งแก่ชาวพุทธ เพราะคำสอนของพระองค์ไม่เคยนำความทุกข์มาให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดเลย ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนย่อมจะมีความทุกข์ลดน้อยลง การดำเนินชีวิตประจำวันจะมีความเป็นปรกติสุขตามอัตภาพของแต่ละบุคคล
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงในความจริงอันถึงที่สุด (อริยสัจธรรม) ทรงจำแนกธรรมเป็นหลายประเภทในหลายนัย คือ อริยสัจ 4 ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ปรมัตถธรรม 4 ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน จิตและเจตสิกเป็นนามธรรมหรือนามธาตุหรือนามขันธ์ซึ่งเป็นสภาพรู้ รูป เป็นรูปธรรมหรือรูปธาตุหรือรูปขันธ์ซึ่งเป็นสภาพที่ไม่รู้ แต่ถูกรู้ นิพพานเป็นธรรมเหนือโลก (โลกุตรธรรม) ขันธ์ 5 ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ในพระอภิธรรมได้แสดงให้เห็นถึงสภาพธรรม ได้แก่ ธรรมที่เป็นกุศล (กุศลาธรรมมา) ธรรมที่เป็นอกุศล (อกุศลาธรรมมา) ธรรมที่ไม่เป็นกุศลและธรรมที่ไม่เป็นอกุศล (อพยากตาธรรมมา)
พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความสุขุม ละเอียดและลึกซึ้งยิ่ง ยากที่จะเข้าใจได้ โอกาสประเสริฐที่สุดของชีวิต คือ การฟังธรรมตามกาล เพราะการดำเนินชีวิตไม่ใช่เพียงแต่การประกอบสัมมาอาชีวะเท่านั้น การรู้ในสิ่งที่มีจริงหรือธรรมะที่มีจริง (สัจธรรม) จะเป็นเหตุให้ละความไม่รู้ (อวิชชา) และนำไปสู่การมีความเห็นถูก (สัมมาทิฎฐิ) การที่ได้เกิดมาเป็นคนในชาตินี้และได้นับถือพระพุทธศานา จึงไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิตด้วยประการทั้งปวง
ในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้ริเริ่มโครงการประดิษฐานพระธรรม ณ แดนพุทธภูมิ ที่ประเทศอินเดีย และอยู่ในระหว่างการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อก่อตั้งมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่งที่เมืองลัคเนาว์ รัฐอุตตรประเทศ เมืองลัคเนาว์เป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการคมนาคม ในตอนเหนือของประเทศอินเดีย เป็นเมืองซึ่งเป็นประตูสู่สังเวชนียสถาน 4 ได้แก่ เมืองสาวัตถี เมืองพาราณสี เมืองสารนาถ เมืองกุสินารา……....
อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึงโครงการประดิษฐานพระธรรม ณ แดนพุทธภูมิ ที่ประเทศอินเดีย มีใจความว่า “ …ตั้งแต่เริ่มเข้าใจพระธรรม เห็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ใช่แต่เฉพาะตัวเองที่เข้าใจแล้ว มิเช่นนั้นจะไม่มีมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาแน่นอน ถ้าเราไม่คิดว่าสิ่งที่ได้ทำจะสามารถเผยแพร่ได้กว้างขวางและมั่นคงขึ้น….. เราไม่เคยหยุดที่จะให้คนอื่นให้ได้มีความเข้าใจพระธรรมเลย ไม่ว่าเขาเป็นใคร เชื้อชาติไหน ในขณะที่บรรยายธรรมที่วัดมหาธาตุฯ ก็มีกลุ่มชาวต่างประเทศเข้ามาในเมืองไทยด้วยจุดประสงค์ต่างๆ เมื่อทราบว่ามีการสนทนาธรรมเขาก็สนใจ การเริ่มต้นที่จะให้คนอื่นได้รับประโยชน์จากพระธรรม ถ้าไม่มีความคิดที่จะให้จะไม่มีวันนี้ซึ่งมีกิจกรรมหลายอย่างทำประโยชน์หลายด้าน …..
เมื่อมีความมั่นคงที่เห็นประโยชน์ของผู้ที่เข้าใจพระธรรม ค่อยๆ ทำไป หากไม่มีมูลนิธิฯ คงไม่มีกิจกรรมอย่างกว้างขวางเหล่านี้ ความเข้าใจในพระธรรมและความมุ่งมั่นของทุกคนที่เห็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะให้พระธรรมดำรงอยู่ ทุกคนร่วมใจกัน ทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ วิทยากร ผู้ร่วมการทำงานและผู้ร่วมกุศลทั้งหมดทุกคนพร้อมใจที่จะช่วยกันในทุกด้าน จะรู้ได้ถึงความจริงใจของทุกคนว่า ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว แต่ทั้งหมดเพื่อการดำรงไว้ซึ่งคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทุกครั้งที่ไปอินเดีย เราไปสักการะบูชาสถานที่ต่างๆ เรามีการสนทนาธรรมทุกครั้ง ไม่ใช่เพียงแต่ไปนมัสการ ถ้าไม่รู้คุณของพระธรรมแล้ว เราไปทำอะไร เพียงกราบไหว้บูชา เท่านั้นหรือ หวังอะไรหรือเปล่า ณ ที่นั้นมีวัดนานาชาติมากมาย มีสมาคมมหาโพธิ์ เป็นต้น ซึ่งไม่มีพระธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้และทรงแสดง
ในใจของทุกคนที่ร่วมในการศึกษาพระธรรม สิ่งที่ต้องการมากที่สุด คือ ให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการฟังพระธรรมด้วยความเข้าใจ เพราะฉะนั้นเราทำงานอย่างเต็มที่ เต็มหัวใจ เรารู้ความจริงว่า สิ่งที่มีค่าในสังสารวัฏฏ์ ไม่ใช่เพียงแค่ชาตินี้ ชาตินี้ได้เกิดมามีโอกาสอย่างนี้แล้ว โอกาสที่เป็นบุญเก่าที่ได้สะสมมา คุณความดีต่างๆ ทำให้มีโอกาสได้ยินได้ฟังได้เข้าใจพระธรรม……
มูลนิธิฯจะสนับสนุนทุกคนที่มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมให้เข้าใจขึ้น เรายังได้ฟัง แล้วเขาล่ะ ถ้ามีโอกาสเขาก็เข้าใจได้ แต่โอกาสนั้นถ้าไม่มีใครช่วยกันให้เขาได้มีโอกาสได้รับอย่างเรา เขาก็หมดโอกาสในชาตินี้ ….
กว่าจะเข้าใจสภาพธรรมได้ ไม่ใช่สามารถประจักษ์แจ้งสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงว่า เดี๋ยวนี้ไม่มีเรา แต่ว่ามีสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับ นี่คือความลึกซึ้ง เพราะฉะนั้นจะให้คำสอนของพระองค์อันตราธานไปรวดเร็วหรือ ถ้ามีกำลังพอที่จะให้คนอื่นไม่ว่าเขาเป็นใครทั้งสิ้น เราก็ทำด้วยกุศลจิตและกุศลเจตนา
นี่เป็นจุดประสงค์ของมูลนิธิ ไม่ใช่เพียงแต่รับบริจาค เก็บเงินไว้ไม่ทำอะไร ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เงินนั้นเป็นของพระธรรม มาจากพระธรรม เพื่อพระธรรมต่อไป การใช้เงินที่เป็นประโยชน์สูงสุดกว่าอย่างอื่นที่เคยทำมาแล้ว เช่น ช่วยคนในยามภัยพิบัติ ไม่ว่าจะน้ำท่วมที่ประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ หรือเครื่องช่วยหายใจ หรืออะไรทั้งหมด แต่สิ่งที่มีค่ากว่านั้น คือ ถ้าเราสามารถทำให้คนส่วนใหญ่ได้เข้าใจพระธรรมมากขึ้นจะดีกว่าการต่อลมหายใจให้เขาจากการช่วยเหลือเท่านั้น การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ของเขา เขาเข้าใจพระธรรมหรือเปล่า ….
ใครก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งมูลนิธิฯ ได้ … เมื่อมีผู้ที่เกิดมาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่สามารถที่จะพบปะ เข้าใจพระธรรม แล้วก็ช่วยกันทำกิจที่เป็นประโยชน์ที่สุดในการระลึกถึงคุณและทำสิ่งที่ตอบแทนพระคุณ คือ ให้พระธรรมดำรงอยู่… การกระทำใดๆ ของมูลนิธิฯ ทั้งสิ้นเพื่อพระธรรม คนอื่นจะได้รับประโยชน์ด้วย เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีให้เราได้เข้าใจ เราก็รับความเข้าใจสืบทอดไปให้คนอื่น อะไรจะดีกว่านี้…
จากการที่คุณอาคิ่วมาเมืองไทยและมีโอกาสศึกษาพระธรรม เราจะรู้ได้จากงานของเขา และงานของคุณอาช่าที่เป็นภรรยาว่า เขามีความเข้าใจในระดับไหน จนกระทั่งเป็นที่วางใจได้ว่า เขาไม่คลาดเคลื่อนจากความถูกต้อง เขาก็มีพระธรรมเป็นที่พึ่งและจะมีทางมูลนิธิฯ เป็นที่ปรึกษาในด้านของความรู้ทั้งหมด…
ด้วยเหตุนี้ ถ้าไม่มีคุณอาคิ่ว กับคุณอาช่า เราก็ไม่มีใคร การที่คิดว่าจะมีพระธรรมที่ประเทศอินเดียก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้… ทางอินเดียขอร้องให้ทางมูลนิธิฯ ที่กรุงเทพฯ เป็นกรรมการกิตติมศักดิ์เพื่อที่จะดำเนินงานนั้น เหมือนกับว่าเรามีการเผยแพร่อีกที่หนึ่งในประเทศอินเดีย… มูลนิธิฯ ที่ประเทศไทยกับมูลนิธิฯ ที่ประเทศอินเดียก็จะเผยแพร่พระธรรมคู่กันไปในระยะยาว….”
คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ
โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล”
ติดตามข่าวดังกล่าว คลิกที่ลิงก์นี้ : https://www.dailynews.co.th/articles/996525/
อ่านเพิ่มเติม :
มูลนิธิศึกษา-เผยแพร่พระพุทธศาสนา กับแดนพุทธภูมิ - ข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๕
กราบเท้าอนุโมทนาในกุศลวิริยะและความเมตตาของท่านอาจารย์ ที่มีต่อทุกคนที่ได้เข้ามาได้ยินได้ฟังพระธรรมคำสอนจากท่าน นับว่าเป็นมหากุศลอย่างมหาศาลค่ะ
กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลของทุกท่านที่ช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาด้วยการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจและถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้มีโอกาสศึกษาและรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง และกราบยินดีในความดีของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอกราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพยิ่ง ปลื้มปิติน้ำตาคลอเมื่อได้เห็นท่านอาจารย์ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาล แต่ยังไม่หยุดความเพียรพยายามที่จะเผยแพร่พระธรรมคำจริงของพระผู้มีพระภาคให้กว้างไกลออกไป ท่านอาจารย์ใช้เวลาของท่านได้มีประโยชน์มากมายเหลือเกิน ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีของท่าน ไม่เคยหยุดทำประโยชน์เลย แม้แต่ในเวลาป่วย ก็ยังไม่หยุดการทำประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา ขออนุโมทนาสาธุครับ
- การเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ สู่แดนพุทธภูมิ ๒๒-๒๕ พ.ค. ๒๕๖๕ นำโดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
- มูลนิธิศึกษา-เผยแพร่พระพุทธศาสนากับแดนพุทธภูมิ 4...ข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕
- พุทธศักราช ๒๕๖๕ ถึงเวลาที่พระศาสนาจะกลับคืนสู่แดนพุทธภูมิ : มูลนิธิพระธรรม ณ ประเทศอินเดีย
- มูลนิธิศึกษา-เผยแพร่พระพุทธศาสนากับแดนพุทธภูมิ 3...ข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕