โรคซึมเศร้าตามความเข้าใจที่ถูกต้องคืออะไร

 
มือใหม่หัดธรรม
วันที่  18 พ.ค. 2565
หมายเลข  43121
อ่าน  789

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยและสวัสดีทุกท่านค่ะ

มีคำถามอยากสอบถามค่ะ ว่าโรคซึมเศร้านั้นมีจริงหรือไม่ โรคซึมเศร้าที่ควรจะเข้าใจให้ถูกตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นอย่างไร

โดยที่ตามที่ได้ศึกษาและเรียนมา โรคซึมเศร้าไม่ใช่เพียงแค่โรคที่เศร้าบ่อยตามที่คนอื่นเข้าใจ แต่เป็นโรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับสารสื่อประสาทในสมอง ส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายได้

ทั้งนี้ที่กล่าวไปข้างต้นเป็นความเข้าใจจากทางโลก เป็นความเข้าใจที่เป็นเรื่องราวค่ะ อยากจะมีความเข้าใจถูกเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าค่ะ ว่าตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเคยมีการกล่าวถึงโรคนี้บ้างหรือไม่ และสิ่งที่ควรจะเข้าใจถูกเกี่ยวกับโรคซึมเศร้านั้นเป็นอย่างไรค่ะ

มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำอัตวินิบาตด้วยค่ะ อยากทราบว่าวิบากของผู้ที่กระทำอัตวินิบาต จะทำให้ต้องได้รับผลอย่างไรบ้างคะ

และอยากได้ความเข้าใจถูกเกี่ยวกับการรับมือกับอารมณ์เศร้าด้วยค่ะ ว่าเมื่อมีอารมณ์เศร้าโศกเสียใจเกิดขึ้น หากเป็นการเข้าใจถูกตามธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ควรจะเข้าใจว่าอย่างไรคะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 พ.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความจริงเป็นความจริงครับ คือ ความเหงาเกิดขึ้นแล้ว และความเศร้าก็เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้วก็คือ โทสะ ความขุ่นใจ ความไม่สบายใจ ดังนั้นที่เกิดความเหงา เศร้าใจได้เพราะมีกิเลสที่สะสมมามากครับ ความท้อแท้ ความหดหู่ก็เป็นกิเลสอีกเช่น ดังนั้นจะชอบหรือไม่ชอบก็เกิดแล้วครับ ดังนั้นแต่ละคนก็ต่างๆ กันไปที่จะเกิดกิเลสประการต่างๆ แต่กระผมอยากจะเรียนถามและขอแนะนำประการหนึ่งครับ ในเรื่องเกี่ยวกับโรคทางโลก คือ โรคซึมเศร้าครับ ซึ่งถ้าเป็นมากและมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วยแล้ว ควรปรึกษาคุณหมอนะครับ เพราะความซึมเศร้า ท้อแท้ทิ่เกิดมากเกินไป ก็จะมีผลกับจิตใจเพราะกิเลสที่เกิดมากเกินไปในกิเลสประเภทนี้ ซึ่งถือว่าเป็นโรคประการหนึ่งในปัจจุบันที่ผู้คนเป็นกันอยู่นะครับ

เชิญอ่านคำบรรยายท่าน อ.สุจินต์ ครับ

ผู้ถาม อันดับแรกขอเปิดเผยความในใจ เมื่อเช้าเดินทางมาสักพักหนึ่งฝนตก ก็บอกตัวเองว่าเดินหน้าแล้วต้องไม่ถอยหลัง ก็ต่อแท็กซี่มาถึงที่นี่ และดีใจมากที่ได้อยู่จนถึงช่วงบ่ายนี้ ตัวอย่างการสนทนาระหว่างคุณนิรันด์กับท่านอาจารย์ทำให้เกิดปีติมากค่ะ คือ มีเหตุการณ์ที่รู้สึกว่า เพื่อนทำไม่ถูก และเมื่อเช้านี้ได้เรียนเรื่องสังวร ก็เลยคิดว่าเพื่อนเขาขาดตัวสังวรหรือเปล่าจึงทำให้เขาทำแบบนี้ รู้สึกว่ามันค่อยข้างผิดมาก ท่านอาจารย์บอกว่า เขาสะสมมาในการที่จะไม่สังวร ช่วงเช้าหนูก็ได้ระดับหนึ่ง พอมาช่วงบ่าย ก็เกิดปีติตรงที่ว่ามันเป็นความติดข้องของเราเอง ที่เราไปติดในตัวเองๆ เลยไปประเมินเขาว่าเขาไม่ดี ก็รู้ว่าปีติก็ต้องขออนุโมทนาด้วยค่ะ


อาจารย์ ทุกคนก็คงอนุโมทนานะคะ เพราะจริงๆ นี่คะใครไม่ดี? ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมคะยังตอบว่าคนอื่นหรือเปล่า จิตที่กำลังคิดว่าคนอื่นไม่ดี ขณะนั้นเป็นจิตอะไร? ...ถ้าไม่รู้ก็สะสมไปเรื่อยๆ

ผู้ถาม เมื่อกี้ท่านวิทยากรพูดถึง "อนุสัยกิเลส" ในสมัยปัจจุบันนี้ นักจิตวิทยา ถ้าใครเป็นโรคซึมเศร้า เขาบอกว่าสามารถที่จะรักษาตัวนี้ได้ด้วยการสะกดจิต หนูก็คิดว่าไม่ว่าจะเป็นความโกรธหรืออาการซึมเศร้านี้จริงๆ แล้วสามารถจะถอนอนุสัยด้วยการสะกดจิตได้หรือค่ะ

ประเชิญ การที่จะถอนอนุสัยได้มีหนทางเดียวคือการ เจริญอริยมรรค มีองค์ ๘ เท่านั้น ไม่มีวิธีอื่น ถ้าหากถอนอย่างนั้นได้อย่างที่ผู้ถามพูดถึงได้ พระอรหันตสัมมาสัมพุธเจ้าคงไม่ต้องบำเพ็ญบารมีมาถึง ๔ อสงไขยแสนกัปป์ ไม่ต้องทำการมหาบริจาค ๕ อย่าง ต้องใช้เวลาที่ยาวนาน และสละอะไรตั้งมากมาย กว่าจะถอนอนุสัยได้ ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ให้ใครก็ได้มาสะกดจิตถอนโทสะหรืออนุสัย อะไรง่ายๆ อย่างนั้น เพราะอนุสัยเป็นธรรมที่ตามนอนเนื่องอยู่ในจิต เป็นธรรมที่ละเอียด เป็นกิเลสที่ละเอียดจะถอนได้ด้วยมรรคเท่านั้น ต้องถอนด้วยอริยมรรคเท่านั้น ต้องเป็นปัญญาขั้นโลกุตตระจึงจะถอนอนุสัยนี้ได้

อาจารย์ ใครถอนอนุสัยของใครได้ไหม ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เรื่องซึมเศร้า ก็มีท่านผู้ฟังหนึ่ง ก่อนที่จะมาฟังธรรมที่มูลนิธิฯสามีท่านสิ้นชีวิต ท่านก็ซึมเศร้าอย่างมาก ในที่สุด หลังจากที่ได้มาฟังธรรมที่มูลนิธิฯ ตอนนี้ท่านก็เบิกบาน รักษาโรคซึมเศร้าด้วยปัญญา

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 18 พ.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คิดว่าคนนั้นคนนี้เป็นโรค แต่ที่ควรจะได้พิจารณา คือ โรคที่แต่ละคนคิดไม่ถึง ได้แก่ โรคทางใจ คือ กิเลส เมื่อแต่ละคนยังมากไปด้วยโรคอย่างนี้ ก็เห็นใจคนที่มีกิเลสด้วยกัน สิ่งใดที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ ก็ช่วยเหลือเท่าที่จะเป็นไปได้

โรคทางใจ คือ กิเลส ทั้งหลายนั้น เป็นโรคที่เห็นยาก และมีโรคดังกล่าวนี้ด้วยกันทั้งนั้น (ยกเว้นพระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีโรคทางใจ เพราะดับกิเลสทั้งปวงได้หมดสิ้นแล้ว) จะเห็นได้จริงๆ ว่า โรคทางใจคือกิเลสเพิ่มมากขึ้นเพราะไม่มีความเข้าใจพระธรรม ซึ่งหลากหลายที่จะเป็นไปตามกำลังของกิเลส ยาที่ประเสริฐ ที่จะรักษาโรคทางใจได้ทุกประเภทจริงๆ คือ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของคำสอนของพระองค์ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลทั้งหมด แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพร้อมที่จะรับยาที่ประเสริฐนี้หรือยัง ถ้าเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็จะให้เวลากับสิ่งที่มีค่าที่สุดนี้ แต่ถ้าไม่ได้สะสมเหตุที่ดีมา ไม่เห็นประโยชน์ ก็ไม่รับ ซึ่งใครๆ ก็บังคับบัญชาไม่ได้ ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 18 พ.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 18 พ.ค. 2565

กราบยินดีในความดีทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Sea
วันที่ 18 พ.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Witt
วันที่ 19 พ.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Kalaya
วันที่ 19 พ.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Kalaya
วันที่ 19 พ.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wutcho
วันที่ 19 พ.ค. 2565

กราบอนุโมทนาในคำตอบของอาจารย์ทั้ง 2 ท่านครับ ในถานะที่เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน ซึ่งถือว่าเป็นโรคในทางโลก แนะนำว่า ควรไปหาหมอก่อนจะดีที่สุดครับเพื่อรับยา เมื่อดีขึ้นหรือ หยุดยาแล้ว ลองศึกษา พระธรรม เพื่อช่วยในการขัดเกลาดูก็เป็นทางที่ดีครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ทรงศักดิ์
วันที่ 29 พ.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ