ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๖๑

 
khampan.a
วันที่  22 พ.ค. 2565
หมายเลข  43140
อ่าน  905

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๖๑
* *





~ สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบให้เป็นมรดกที่ล้ำค่ากับชาวพุทธ ก็คือ คำจริงทุกคำที่เป็นประโยชน์ทั้งพระธรรมและพระวินัย เพราะฉะนั้น ทุกคนถ้าเห็นคุณอย่างนี้ บูชาคุณด้วยความเป็นผู้ตรง ศึกษาธรรมให้เข้าใจ ประกาศคำสอนที่ถูกต้องเพื่อให้คนอื่นได้มีโอกาสได้รู้ได้เข้าใจถูก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในชาติต่อๆ ไป

~ ถึงเวลาหรือยังที่จะศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจให้ถูกต้อง เพื่อดำรงรักษาพระศาสนา เพราะชีวิตสั้นมากสิ่งที่ประเสริฐที่สุดคือได้เข้าใจธรรมแล้วก็ได้ประพฤติปฏิบัติทุกอย่างที่จะเป็นการสืบต่อ ทะนุบำรุงพระศาสนาที่ถูกต้อง ให้ยั่งยืนต่อไป

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ หวังดี เกื้อกูล เป็นประโยชน์
ให้คนฟังได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น กัลยาณมิตรสูงสุด ก็คือ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำจริง ไม่ได้หวังให้ใครเข้าใจผิด ทรงแสดงธรรมโดยนัยต่างๆ มากมาย หลากหลาย โดยประการทั้งปวง ที่จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงถึงที่สุด ใครๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ ถ้าได้ฟังคำของพระองค์ ทุกคำเป็นความจริงทุกกาลสมัย เพราะไม่ได้เกิดจากความคิด แต่ว่าเกิดจากการประจักษ์แจ้งสภาพธรรมจนหมดความสงสัยและความไม่รู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง

~ ใครที่ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา จะกล่าวว่าเป็นชาวพุทธได้ไหม? ตอบตรงๆ ตอบจริงๆ ก็ไม่ใช่ชาวพุทธ เพราะว่า ถ้าเป็นชาวพุทธหรือเป็นคนที่นับถือพระพุทธศาสนา ต้องตรงและจริงใจ นับถือ คือ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เพื่อประโยชน์ คือ ความเข้าใจที่ถูกต้อง

~ ข้อความในพระไตรปิฎก ก็แสดงว่าการเป็นภิกษุยากยิ่ง ไม่ใช่ใครจะเป็นได้ง่ายๆ เพราะคำว่า ภิกษุคือใคร มีคำอธิบายโดยละเอียดทีเดียว ว่าถ้าไม่มีการขัดเกลากิเลส ไม่เห็นโทษของกิเลส ไม่เข้าใจธรรม แล้วบวชทำไม? บวชที่จะไม่เข้าใจธรรม บวชที่จะไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัยอย่างนั้น ไม่ใช่การบวชที่เป็นภิกษุในพระธรรมวินัยเลย

~ บวชทำไม ถ้าไม่บวชเพื่อที่จะศึกษาความลึกซึ้งของพระธรรม ขัดเกลากิเลสอย่างละเอียดยิ่งในเพศบรรพชิตซึ่งยากยิ่ง แต่ก็สามารถที่จะอดทน ขันติบารมี เห็นคุณอย่างยิ่ง ประพฤติได้ ตามกำลังของความเข้าใจและความศรัทธา ภิกษุรูปใดไม่สามารถที่จะดำรงอยู่ในเพศบรรพชิต ภิกษุรูปนั้น สึกหรือลาสิกขาได้ทันที

~ คนที่ไปสำนักปฏิบัติ คิดว่าไปแล้วถูก ถูกตรงไหน? แล้วเขารู้อะไร? ต้องเป็นคนตรง เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ยังสนับสนุนต่อไปไหม? ตามโรงเรียนต่างๆ ผิดตั้งแต่นักเรียน เมื่อออกจากโรงเรียนไปแล้วจะไปหาความถูกต้องที่ไหนในเมื่อปลูกฝังความเข้าใจผิด ว่า พระพุทธศาสนา ก็คือ ไปสำนักปฏิบัติ ซึ่งไม่มีในพระไตรปิฎก


~ เป็นคนดีกันหรือเปล่า? ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่รู้เลย คิดว่า ดี แต่ว่าความจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ว่าความไม่ดีที่ทุกคนมีและยังมีอยู่ จะหมดสิ้นไปได้อย่างไรถ้าไม่รู้ว่าไม่ดีอย่างไร ถ้าเรารู้ว่าเราดีแล้วเราจะแก้ไขอะไรไหม เพราะดีแล้ว? แต่เพราะเข้าใจถูกต้อง ว่า ไม่ดีตรงไหน และเห็นโทษของสภาพธรรมที่ไม่ดีนั้น ปัญญาที่เข้าใจอย่างนั้นก็จะนำมาสู่การแก้ไขให้ดีขึ้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับปัญญาความเข้าใจถูก ซึ่งไม่มีใครที่จะเข้าใจได้ถึงที่สุดอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ จึงต้องมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ถ้ากล่าวว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง แต่ไม่ศึกษาพระธรรม แล้วจะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้อย่างไร

~ กุศล ทั้งหมด ควรกระทำ ไม่ควรเว้น แล้วสำหรับวันนี้ มีกุศลอะไรที่ตนเองเว้นหรือเปล่า เล็กๆ น้อยๆ ขณะใดก็ตามที่กุศลไม่เกิด อกุศล ก็เกิด จะเห็นได้ว่า เพราะไม่รู้ จึงไม่บำเพ็ญกุศล

~ เป็นคนนี้ได้ชาตินี้ชาติเดียว ตายไปแล้วเป็นคนนี้อีกต่อไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะตาย เป็นคนดี ดีกว่าไหม และเข้าใจความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริงในโลกตามความเป็นจริง

~ ธรรมที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นั้นต้องเป็นกุศล แต่ว่ายากที่จะเกิด เพราะเหตุว่าเมื่อสะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น กล่าวคือคุณของกุศลธรรม ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ได้เจริญกุศลในชีวิตประจำวัน


~ กิเลสมีมากมายมหาศาล ที่มีการฟังพระธรรมขณะนี้ รู้หรือเปล่าว่า เป็นความอดทนที่จะรู้จักสภาพธรรมที่เคยยึดถือว่าเป็นเรามานานแสนนานที่จะได้เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง

~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้จากคนที่เคยไม่เข้าใจเลย เป็นผู้ที่เข้าใจความจริงขึ้น และปัญญานั้นก็จะเป็นสังขารขันธ์ (สภาพที่ปรุงแต่ง) ค่อยๆ ปรุงแต่งให้ความคิดและการกระทำทั้งหมดในชีวิตประจำวันเป็นไปในทางที่ถูกต้อง ซึ่งจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเลย

~ จะฟังธรรมต่อไปไหม อีกนานเท่าไหร่ ค่าอยู่ที่ขณะที่กำลังเห็นประโยชน์และเข้าใจในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบไหว้แต่ไม่ฟังพระธรรม ค่าของพระธรรมจะอยู่ที่ไหน ค่าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ฟัง ก็คือ ไม่รู้ค่าของคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งแต่ละคำทำให้เกิดปัญญาซึ่งไม่เคยเกิดในสังสารวัฏฏ์ และปัญญาที่เกิดขึ้น ก็ค่อยๆ เจริญขึ้น มั่นคงขึ้น

~ ทุกอย่างที่จะเกิด ต้องมีปัจจัย (สิ่งที่อุปการะเกื้อกูลให้สภาพธรรมนั้นๆ เกิดขึ้นเป็นไป) จึงจะเกิดได้ ถ้าสะสมความไม่ดีมามากแล้วไม่รู้ ก็ไม่ดีต่อไป แต่ถ้ารู้ ความเข้าใจว่าอะไรดีอะไรชั่ว เห็นถูกตามความเป็นจริง ก็จะละสิ่งที่ไม่ดี

~ ความเข้าใจกับความไม่เข้าใจ ต่างกันมาก ชีวิตถึงได้มีการดำเนินไปตามการสะสม ซึ่งถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงอนุเคราะห์ด้วยประการทั้งปวง ใครจะรู้จักตัวเอง แล้วใครจะไปแก้ไขได้ ไม่มีทางนอกจากความเห็นที่ถูกต้อง

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นประโยชน์โดยตลอด ทำให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่มีแม้บทเดียว ที่จะไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นความจริงจากการทรงตรัสรู้ของพระองค์ เป็นเรื่องของการขัดเกลาทั้งนั้น จึงจะเป็นพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ลองคิดดูว่าหวังดีหรือเปล่าที่กล่าวข้อความในพระไตรปิฎก ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เพื่อที่จะให้คนอื่นได้ยินได้ฟังได้พิจารณา ได้เข้าใจให้ถูกต้อง เป็นประโยชน์ทั้งผู้ฟังที่จะไตร่ตรอง และผู้กล่าว ก็กล่าวด้วยความเมตตาหวังดีจริงๆ ไม่ได้กล่าวคำอื่นซึ่งเป็นคำที่ผิดจากข้อความในพระไตรปิฎก

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเกิดอกุศลแม้ประเภทหนึ่งประเภทใดเลย ทรงแสดงโทษของอกุศลทั้งปวง เพื่อที่จะให้พุทธบริษัทได้พิจารณาและน้อมประพฤติปฏิบัติตามกำลังของปัญญา แต่ถ้าผู้ใดระลึกได้ สติเกิด ขณะนั้นก็เป็นกุศล แทนอกุศล

~ กิเลสสะสมมาประมาณไม่ได้เลย แล้วก็สะสมต่อไปอีกทุกๆ วันมากขึ้นๆ เพราะฉะนั้น ก็เห็นความละเอียด ความยากและความไม่ประมาทว่า ความเข้าใจเท่านั้นที่จะค่อยๆ รู้แล้วละ ไม่มีตัวตนที่จะไปทำอะไรได้เลยทั้งสิ้น

~ ต้องย้อนกลับมาที่ "ธรรม" ทุกครั้งที่ฟัง ว่า เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ใช่เรา จึงใช้คำว่าธรรม กลับมาที่เดี๋ยวนี้ เพื่อให้เข้าใจว่ามีสิ่งที่มีจริงๆ แต่ ไม่ใช่เรา และเป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็วสุดที่จะประมาณได้

~ การฟังพระธรรม แม้จะเข้าใจไม่มาก ซึ่งก่อนจะรู้ความจริง ถ้าไม่มีความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยอย่างนี้แล้วจะถึงความเจริญบริบูรณ์ได้อย่างไร เพราะฉะนั้น จึงรู้ว่ามีหนทางเดียว ซึ่งไม่ใช่ใครด้วย แต่ความเข้าใจถูกต่างหากที่เกิดขึ้นจากการฟัง มีความเข้าใจ ไตร่ตรอง แม้เพียงเล็กน้อย ค่อยๆ ปรุงแต่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีความเห็นถูกในคำที่ได้ฟังและในสิ่งที่ปรากฏ เพราะฉะนั้น ขาดการฟังไม่ได้ แม้จะน้อยเหลือเกิน แต่ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดๆ

~ ตราบใดยังเห็นประโยชน์ เห็นคุณค่าของพระธรรม แม้ว่าชาตินี้อาจจะได้เข้าใจธรรมขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ถูก ต่อไปข้างหน้าก็จะไม่หลงผิด ไม่ไปทางผิด และก็รู้ว่าสามารถอบรมเจริญปัญญาต่อไปได้

~ ต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็เห็นโทษเห็นภัยของอกุศลจริงๆ ว่า ถ้าวันนี้ยังไม่เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย วันต่อๆ ไป อกุศลก็ย่อมเพิ่มพูนขึ้น

~ ที่จะเป็นคนดีได้ ก็ด้วยคุณความดี โดยอาศัยหลักธรรม คือ พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

~ ถ้าเราโกรธ ดีไหม? (ก็ไม่ดี) เห็นไหม? นี่คือ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เคยให้โทษกับใครสักคำเดียว

~ สะสมคุณความดีแม้หนึ่งขณะก็ประเสริฐอย่างยิ่ง เพราะกุศล เกิดยาก ใช่ไหม ทั้งวัน อกุศล เต็ม โดยไม่รู้ตัว



* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๖๐




...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เจียมจิต สุขอินทร์
วันที่ 22 พ.ค. 2565

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส "อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
jaturong
วันที่ 22 พ.ค. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 22 พ.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 22 พ.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
petsin.90
วันที่ 22 พ.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
มังกรทอง
วันที่ 22 พ.ค. 2565

ศึกษาธรรมให้เข้าใจ ประกาศคำสอนที่ถูกต้อง น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
tim7755tim
วันที่ 22 พ.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยจิตบริสุทธิ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
tim7755tim
วันที่ 22 พ.ค. 2565

กราบอนุโมทนากุศลค่ะท่านอาจารและกัลยานมิตทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 22 พ.ค. 2565

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง และกราบยินดีในความดีทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Sea
วันที่ 23 พ.ค. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง กราบยินดีในความดีทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Lai
วันที่ 24 พ.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ