ประเดี๋ยวกลายเป็นตัวเราไปใช้สติ จะทำอย่างไรดีครับ
เวลาที่อยากจะปฏิบัติครั้งใด ก็ยุ่งยากครั้งนั้นทีเดียวเพราะว่าจะทำ จะทำถูกได้ยังไงถ้ายังมีตัวตนที่จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ พอเริ่มจะทำก็แสดงว่า มีความต้องการที่จะรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมทางหนึ่งทางใด เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งความจริงแล้วลักษณะของสติปัฏฐานเป็นสภาพธรรมที่ระลึกรู้ ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางหนึ่งทางใด เช่น ทางตา ในขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้สติปัฏฐานก็ระลึกได้ ตามปรกติทีละเล็กทีละน้อย และปัญญาก็จะเริ่มศึกษาพิจารณารู้ลักษณะ ที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมทีละเล็กละน้อย
จากหนังสือปรมัตถธรรมสังเขป
ไม่มีวิธีอื่น นอกจากอาศัยการฟังธรรมอย่างเดียวจนกว่าจะเข้าใจ เพราะการเจริญสติปัฏฐานเป็นเรื่องปกติ ไม่ผิดปกติ และไม่มีตัวตน ไม่มีสัตว์ บุคคล ฯลฯ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
รู้ตามความเป็นจริงและเป็นผู้ตรงต่อสภาพธัมมะว่า เมื่อสติไม่เกิดก็ไม่เกิดเพราะธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ขณะที่เดือดร้อนกับสติที่ไม่เกิดเพราะไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราจะบังคับให้สติเกิด ไม่มีการจะทำอย่างไร แต่ฟังธรรมให้เข้าใจขึ้น ค่อยๆ อบรมทีละเล็กทีละน้อย ขณะใดที่เดือดร้อนกับผล ให้รู้ว่าเพราะมีความต้องการ (โลภะ) ซึ่งเป็นเครื่องเนิ่นช้า ทำให้ช้าในการให้สติเกิด เพราะ โลภะ ไม่ใช่เหตุให้สติเกิด ธรรมเป็นเรื่องของการอบรม ใช้เวลานาน สาวก เช่น พระอานนท์ ใช้เวลา แสนกัป ไม่ใช่ ร้อยชาติ ล้านชาติ แต่นานกว่านั้น แล้วเราเพิ่งเริ่มฟัง จะให้ปัญญามีมากไม่ได้ เพราะสะสมความไม่รู้มาเยอะครับ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องละตั้งแต่ต้นในการฟังธรรมไม่ใช่ต้องการผล เพราะผลย่อมสมควรแก่เหตุ เมื่อเหตุน้อย สติจะเกิดได้อย่างไรและเมื่อรู้ว่าเป็นธรรม แม้สติก็เป็นธรรม บังคับให้เกิดไม่ได้ก็ศึกษาธรรมด้วยความเบาคือ ฟังไปเท่านั้นครับ เพราะเป็นหน้าที่ของธรรม ขออนุโมทนา อดทนที่จะค่อยๆ ฟังไปหรือไม่อดทนเพราะอยากให้สติเกิด
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์