โคตรภูภิกษุมีเพียงจีวรห้อยหู..?
โคตรภูภิกษุคือใครมีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกส่วนไหนครับเคยฟังมาว่ามีเพียงจีวรห้อยหูเท่านั้น และการถวายทานแด่ท่านมีอานิสงส์นับประมาณมิได้จริงหรือ..?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอเชิญอ่านข้อความโดยตรงจากทักขิณาวิภังคสูตรและอรรถกถา ดังนี้
[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒- หน้าที่ ๓๙๕
[๗๑๓] ดูกร อานนท์ ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู มีผ้ากาสาวะพันคอ เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น ดูกร อานนท์ ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้นเราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ แต่ว่า เราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทาน (ทานที่ให้โดยเจาะจง) ว่า มีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ โดยปริยายไรๆ เลย
[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒- หน้าที่ ๔๐๗
บทว่า โคตฺรภุโน ได้แก่ เสวยสักว่า โคตรเท่านั้น อธิบายว่า เป็นสมณะแต่ชื่อ. บทว่า กาสาวกณฺฐา คือ ผู้มีชื่อว่ามีผ้ากาสาวะพันคอ ได้ยินว่า ภิกษุเหล่านั้นพันผ้ากาสาวะผืนหนึ่งที่มือ หรือที่คอเที่ยวไป.
โคตรภูภิกษุ คือ ภิกษุผู้มีความประพฤติไม่เหมาะไม่ควรประการต่างๆ ทรงไว้เพียงเพศให้รู้ว่าตนเองเป็นภิกษุเท่านั้น กล่าวคือ เป็นภิกษุหรือเป็นสมณะ แต่เพียงชื่อเท่านั้น ไม่ได้มีคุณความดีอะไรเลย จึงเป็นเรื่องของภิกษุบุคคล ไม่ได้เกี่ยวกับสงฆ์เลย เพราะเหตุว่า สงฆ์ ไม่ได้หมายถึงภิกษุบุคคล ไม่ได้หมายถึงภิกษุรูปหนึ่งรูปใดโดยเฉพาะ แต่เป็นหมู่แห่งภิกษุทั้งหลาย และสงฆ์ที่ประเสริฐ คือ พระอริยสงฆ์ ซึ่งเป็นหมู่แห่งพระอริยบุคคล ดังนั้น ความเป็นสงฆ์ จึงไม่ทุศีล ไม่มีความประพฤติที่ไม่เหมาะไม่ควร แต่ภิกษุบุคคลต่างหากที่ทุศีล มีความประพฤติไม่เหมาะไม่ควร ตามการสะสมของผู้นั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ การถวายทานโดยไม่เจาะจงภิกษุผู้รับว่าจะมีความประพฤติอย่างไร และมีจิตมุ่งตรงพระอริยสงฆ์ เคารพอย่างยิ่งในพระอริยสงฆ์ แม้ผู้รับจะเป็นภิกษุทุศีลเป็นโคตรภูภิกษุ การถวายทานนั้น ก็มีผลมาก เพราะไม่ได้ถวายเจาะจงภิกษุรูปหนึ่งรูปใดโดยเฉพาะ และเมื่อมีความเคารพยำเกรงต่อสงฆ์ ก็เป็นสังฆทานด้วย ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านด้วยครับ...
แสดงว่าแม้ถวายทานแด่ภิกษุทุศีลยุคนี้ที่ยังห่มจีวรเต็มร่างกายแต่จิตใจเราน้อมไปในพระรัตนตรัยระลึกได้ว่าแม้พระพุทธเจ้าก็โกนหัวแบบนี้นุ่งห่มแบบนี้พระอริยสงฆ์ทั้งหลายก็โกนหัวแบบนี้นุ่งห่มแบบนี้ย่อมมีผลนับมิได้ประมาณมิได้ดีกว่าทานที่ให้ในเด็กกำพร้าหรือยาจกที่กล่าวอย่างนี้มิได้หมายถึงว่าผมจะโลภในบุญหรือเห็นแก่ตัวแต่อย่างไรแต่พูดถึงหลักความจริงเท่านั้นเพราะกรรมใดใครก่อผู้นั้นย่อมเป็นทายาทของกรรมนั้นจริงไหมครับท่านวิทยากร