การเขียนคำที่ถูกต้องครับ

 
Noeng
วันที่  24 ก.ค. 2565
หมายเลข  43385
อ่าน  643

ตานะ เรนะ ทีปะ สระนะ ในเรื่องของบุญ การเขียนที่ถูกต้องคืออะไรครับ อยู่ต้นคลิปมีผู้ถามข้างบนครับ ขอเรื่องบุญปฐมชนสูตรเกี่ยวกับบุญ ครับ
ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 24 ก.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความใน พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ หน้าที่ ๒๑๔ ปฐมชนสูตร มีดังนี้

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า บุญ นั้น ชื่อว่า ตาณะ (ตาณ) เพราะหมายความว่า เป็นที่ต้านทานของผู้ไปสู่ปรโลก, ชื่อว่า เลณะ (เลณ) เพื่อหมายความว่า เป็นที่ซ่อนเร้น, ชื่อว่า ทีปะ (ทีป) เพราะหมายความว่า เป็นที่พำนัก, ชื่อว่า สรณะ (สรณ) เพราะหมายความว่า เป็นที่พึ่งอาศัย, และชื่อว่า ปรายนะ (ปรายน) เพราะสามารถจะให้คติที่สูงได้.


บุญ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นนามธรรม ขณะใดที่จิตปราศจากโลภะ ปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ ปราศจากกิเลสทั้งหลาย ขณะนั้นเป็นบุญ เป็นสภาพธรรมที่ชำระจิตให้สะอาด (เพราะโดยปกติแล้วจิตสกปรกด้วยเครื่องเศร้าหมองของจิต คือกิเลสประการต่างๆ มากมาย) จากที่เป็นอกุศล ก็ค่อยๆ เป็นกุศลขึ้นในชีวิตประจำวันซึ่งก็ไม่พ้นไปจากขณะที่จิตเป็นกุศล เป็นไปในทาน เป็นไปในศีล เป็นไปในการอบรมเจริญความสงบของจิตและเป็นไปในการอบรมเจริญปัญญา โดยที่ไม่มีตัวตนที่จะไปทำบุญ เพราะบุญอยู่ที่สภาพจิต จิตเป็นกุศล เป็นบุญ ในทางตรงกันข้าม ถ้าจิตเป็นอกุศล ย่อมไม่ใช่บุญเลยแม้แต่น้อย

บุญ ย่อมเกิดขึ้น เจริญขึ้นในขณะที่จิตเป็นกุศล ขณะใดที่จิตเป็นอกุศลหรือตรึกไปด้วยอกุศลวิตกประการต่างๆ เป็นไปกับความติดข้องต้องการหรือเป็นไปกับความโกรธ ขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจ รวมไปถึงในขณะที่นอนหลับ ขณะนั้นบุญไม่เจริญและไม่ใช่บุญด้วย (ในขณะที่นอนหลับ ไม่มีกุศล ไม่มีอกุศล เกิดขึ้น โลกนี้ไม่ปรากฏ เพียงแต่เป็นจิตประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นทำกิจรักษาความเป็นบุคคลนี้ไว้เท่านั้น บุญจึงไม่เจริญในขณะที่นอนหลับ) แต่เมื่อใดที่สติเกิดระลึกได้เป็นไปในความดีประการต่างๆ ทั้งในเรื่องของทาน การให้วัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น ในเรื่องของศีล การวิรัติงดเว้นจากทุจริตกรรมและการน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ในเรื่องความสงบของจิตคือสงบจากอกุศลและในการอบรมเจริญปัญญา เมื่อนั้นบุญย่อมเจริญ ซึ่งไม่จำกัดเลย เพราะการกระทำบุญไม่ใช่มีแต่เฉพาะทานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีถึง ๑๐ ประการด้วยกัน คือ

๑. ทาน การให้วัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น

๒. ศีล ความประพฤติทางกาย ทางวาจา ที่เป็นกุศล ไม่เบียดเบียนบุคคลอื่นให้เดือดร้อน

๓. ภาวนา การอบรมจิตให้สงบจากอกุศล (สมถภาวนา) และการอบรมให้เกิดปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก (วิปัสสนาภาวนา)

๔. อปจายนะ การอ่อนน้อมต่อผู้ที่ควรอ่อนน้อม แสดงถึงความอ่อนโยน ไม่แข็งกระด้าง

๕. เวยยาวัจจะ การขวนขวายกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

๖. ปัตติทาน การอุทิศส่วนกุศลให้บุคคลอื่นได้เกิดกุศลจิตอนุโมทนาด้วย

๗. ปัตตานุโมทนา การอนุโมทนาพลอยชื่นชมยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำแม้ตนเองจะไม่ได้กระทำบุญนั้นก็ตาม เป็นการชื่นชมในความดี เป็นความจริงที่ว่าผู้ชื่นชมในความดี จึงทำดี

๘. ธัมมเทศนา การแสดงธรรม กล่าวธรรม กล่าวในสิ่งที่มีจริงตามคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อประโยชน์แก่ผู้ต้องการฟัง

๙. ธัมมัสสวนะ การฟังธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงที่เป็นวาจาสัจจะ (คำจริง) ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง

๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ การกระทำความเห็นให้ตรงตามสภาพธรรมและเหตุผลของสภาพธรรมนั้นๆ

สำหรับบุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์บุญ ซึ่งเป็นความดีประการต่างๆ อันจะเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสของตนเองนั้น ก็จะไม่ละเลยโอกาสในการเจริญกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะถ้ากุศลไม่เกิด ก็จะเป็นโอกาสให้อกุศลเกิดพอกพูนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ และควรที่จะได้พิจารณาว่า เกิดมาแล้ว ทุกคนต้องละจากโลกนี้ไปอย่างแน่นอน แต่จะจากไปพร้อมกับกิเลสที่มีมากๆ หรือจะจากไปพร้อมกับกุศลและปัญญาที่ได้อบรมเจริญในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ นี้คือ สิ่งที่ควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ครับ

ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

บุญคือกุศลจิต

แนวทางเจริญวิปัสสนา แผ่นที่ ๒๖ (ครั้งที่ 1501-1560)

ปฐมชนสูตร

... ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ทรงศักดิ์
วันที่ 26 ก.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ