ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๗๑
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๗๑
~ พระพุทธเจ้า เป็นรัตนะ เพราะทำให้ผู้อื่นได้เกิดปัญญาความเข้าใจที่ถูกต้อง พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นรัตนะ เพราะทำให้ผู้ที่ได้ฟังมีความเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น ได้เข้าใจความจริงจนกระทั่งประจักษ์แจ้งความจริงตามที่ได้ฟังจนถึงความเป็นสังฆรัตนะ คือ สาวกผู้ที่ได้ฟังพระธรรมและดับกิเลสได้ตามพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
~ ความไม่รู้ ก็จะทำให้ชีวิตเป็นไปด้วยความไม่รู้ แต่ถ้ามีความรู้ถูก มีความเห็นถูก ชีวิตก็จะเปลี่ยนจากการที่ไม่รู้ว่า อะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด ก็จะทำให้พ้นจากความประพฤติซึ่งเป็นเหตุที่นำทุกข์มาให้เพราะฉะนั้น การฟังธรรมแต่ละครั้ง ให้ทราบว่าประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจ
~ สละวัตถุสิ่งของให้ทาน สละความโกรธความขุ่นเคืองใจในผู้อื่น มีความอดทนทุกอย่างที่จะบำเพ็ญความดีทุกอย่าง นี้แหละ เป็นการเติมความดีอยู่เรื่อยๆ
~ ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ไม่ประมาทในการขัดเกลากิเลส ไม่ประมาทในการคิดว่า "กุศลนี้น้อยเหลือเกิน ไม่ทำ ก็ไม่เป็นไร" แต่ความจริง แม้เพียงขณะหนึ่งของกุศล ก็แสดงว่า ขณะนั้นชนะอกุศล สามารถที่จะไม่ให้อกุศลเกิดได้
~ อกุศลมากมายเหลือเกิน เก็บเอาไว้เยอะแยะเลยทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ในสังสารวัฏฏ์ที่เนิ่นนาน จะเอาออกได้อย่างไรถ้าติดแน่นหนาแน่นเหนียวแน่นอยู่ในใจ หนทางเดียว ก็คือ เห็นประโยชน์ของกุศล รู้ว่า แม้เพียงเล็กน้อย ก็จะค่อยๆ สะสมไป
~ สภาพธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย คำใดที่ตรัสแล้วไม่เปลี่ยน ได้ยินต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เห็นต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย คิดนึกต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย สติต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย สุขต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ทุกข์ต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะเกิดตามความพอใจได้ แต่ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยเฉพาะของสภาพธรรมนั้นๆ
~ ก่อนอื่นต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ความไม่ดีทั้งหมด เป็นอกุศล มาจากความไม่รู้และการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา แต่ความจริง เราอยู่ได้กี่วัน วันไหนจะไม่ใช่เราอีก (คือ ตาย) แน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรทำระหว่างที่มีชีวิต ก็คือ เข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงอันเป็นเหตุที่จะทำให้มีความประพฤติที่ดี
~ ไม่มีอะไรที่จะไปละความไม่รู้และความชั่วทั้งหลายได้ นอกจากความเข้าใจถูก เพราะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความไม่ประมาทและด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
~ ใครจะรู้ว่าชีวิตแต่ละภพแต่ละชาติจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ถ้าสะสมความดี ความดีก็มีกำลัง แม้ในขณะที่จะทำทุจริต ความดีก็ยังสามารถที่จะเกิดได้ตามกำลังของการสะสม แต่ถ้าความดีน้อยก็ต้องเป็นไปตามอกุศล เพราะฉะนั้น ที่สำคัญที่สุด คือไม่ประมาทแม้กุศลเพียงเล็กน้อย
~ ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน นอกบ้าน ประเทศชาติ หรือโลก จะสงบได้ ก็เพราะคุณความดี
~ ถ้าเข้าใจธรรมแล้ว เราก็จะเห็นประโยชน์มหาศาลที่เกิดมาแล้วก็ตายไป ก่อนตาย มีโอกาสได้เข้าใกล้พระธรรม ได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากความเข้าใจธรรมซึ่งเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะฉะนั้น อะไรคงไม่มีค่าที่จะทำให้เราต้องกลายเป็นคนที่ไม่กล้าที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นสิ่งซึ่งไม่ควรที่จะให้ถูกทำลายไปด้วยความไม่รู้
~ ฟังเพื่อให้มีความเข้าใจที่มั่นคงในความเป็นจริงของธรรม ซึ่งเมื่อเข้าใจแล้ว ใครก็เปลี่ยนความเข้าใจถูกให้ผิดไปก็ไม่ได้ จะเปลี่ยน ว่า "ธรรมไม่ใช่อย่างนี้ ธรรม เที่ยง ธรรมบังคับบัญชาได้" ก็ไม่ได้ เพราะได้เข้าใจอย่างถูกต้อง และความเข้าใจก็จะมั่นคงขึ้น
~ เจริญกุศลทุกประการ เพื่อที่จะขัดเกลาอกุศล ด้วยความจริงใจที่จะละคลายอกุศล ไม่ใช่ต้องการหรือปรารถนาสิ่งอื่น นี่คือ ผู้ที่เห็นคุณของพระธรรม และเห็นโทษของอกุศล และก็รู้ว่า สิ่งที่ควรเจริญในชาตินี้คือปัญญา เพราะเหตุว่าสิ่งอื่นไม่สามารถที่จะติดตามไปได้ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ก็ติดตามไปไม่ได้ แต่ปัญญาความเข้าใจพระธรรม จากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่งก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
~ แต่ละหนึ่งถ้าเป็นคนดี ทุกอย่างไม่มีปัญหา
แต่ถ้าแต่ละหนึ่ง ไม่ได้เป็นคนดี ปัญหามีแน่นอน
~ โกรธแล้ว เคยคิดที่จะมีความอดทนที่จะไม่โกรธต่อไปหรือเปล่า?
~ เสียงที่ไม่น่าพอใจ ไม่ประสงค์ที่จะได้ยิน แต่ก็ได้ยิน เพราะเหตุปัจจัย
~ อะไรที่ไม่ดี เคยคิดที่จะละบ้างไหม แค่นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความเพียรที่ถูกต้องแล้ว
~ ไม่ต้องคอยวันนี้ หรือพรุ่งนี้ หรือวันไหนๆ มีโอกาสเมื่อใด ก็ควรที่จะได้ฟังพระธรรมเมื่อนั้น
~ เกิดมาแล้วต้องตาย ไม่ใช่ว่าคนอื่นตายแต่เราไม่ตาย เพราะต้องตายด้วยกันทั้งนั้น สิ่งที่เป็นประโยชน์ก่อนตาย คือ สะสมความดีและฟังพระธรรมให้เข้าใจ
~ กิเลสไม่ได้อยู่ภายนอก ไม่ได้อยู่ที่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบกาย) แต่อยู่ในภายในของแต่ละบุคคลตามการสะสม
~ เมื่ออยู่ร่วมกับผู้คนมากมาย หนทางที่จะทำให้เป็นกุศล มี คือ อยู่ด้วยเมตตา
~ ถ้าเขาเป็นคนไม่ดี ก็ควรมีเมตตามากพอที่จะดีกับเขา และช่วยให้เขาเป็นคนดี
~ ถ้าไม่คิดว่าตนเองอยู่ในความมืดมิดของอวิชชาคือความไม่รู้ ก็จะไม่แสวงหาแสงสว่างคือปัญญาที่จะทำให้ตนเองพ้นจากความมืดมิดดังกล่าวได้
~ ไม่มีใครทำให้ใครเป็นทุกข์ได้เลย แต่ที่เป็นทุกข์ก็เพราะกิเลสของตนเองต่างหาก จะลดทุกข์ลงได้ ต้องเกิดจากปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ ใครทำให้เสียหาย ใครทำให้เดือดร้อน แทนที่จะโกรธ ก็รู้ว่า เป็นการเพิ่มพูนขันติบารมีให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
~ เกิดมาเพียงชั่วคราว ถ้าคิดว่าชีวิตชั่วคราวจริงๆ จะทำดีหรือจะทำชั่ว?
~ ทุกท่านเหลือเวลาไม่มากที่จะอยู่ในโลกนี้
~ เมื่อเป็นปัญญาความเห็นที่ถูกต้อง ขณะนั้น ก็ละความไม่รู้ซึ่งมากมายมหาศาลประมาณไม่ได้เลยที่สะสมมาในสังสารวัฏฏ์พร้อมทั้งความติดข้องและกิเลสนานาประการ
~ พระธรรมเป็นเครื่องเตือนว่า ไม่ควรคำนึงถึงความไม่ดีของคนอื่น แต่ควรที่จะได้พิจารณาถึงความไม่ดีของตนเอง เพื่อที่จะได้ขัดเกลา
~ หนึ่งชาติที่เกิดมาเป็นคนนี้ แล้วก็จะเป็นคนนี้ได้อีกไม่นาน ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นคนนี้นานเท่าไหร่ ต่อไปก็จะเป็นคนใหม่ เพราะฉะนั้น คนใหม่ก็มาจากคนนี้ คนนี้ทำอะไรไว้สืบเนื่องมาจากแสนโกฏิกัปป์ ก็จะปรุงแต่งให้ขณะต่อไปจากโลกนี้ สู่โลกอื่น เป็นคนใหม่ และไม่รู้ว่ากรรมที่ได้ทำมาแล้วทั้งหมด กรรมไหนจะให้ผล เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งซึ่งไม่ละเว้นแต่ละโอกาส แต่ละขณะมีค่าอย่างยิ่งที่ได้เข้าใจพระธรรม เพราะว่า ถ้าไม่มีแต่ละหนึ่งขณะ จะไม่มีทางที่จะเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น
~ คนที่ไม่เข้าใจ นั้น มีมาก จึงไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น หนทางเดียว ก็คือว่า มีทางใดที่จะช่วยให้คนได้เข้าใจอย่างถูกต้อง ก็ทำ ไม่รีรอ เพราะใครจะรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปวันไหน
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๗๐
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง กราบขอบพระคุณอาจารย์คำปั่น กราบอนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง และ น้อมกราบอนุโมทนาในคุณเมตตาธรรมของท่าน
ขอกราบขอบพระคุณ และ กราบอนุโมทนากับอาจารย์ คำปั่น อักษรวิไลด้วยครับที่ ปันธรรมคำของท่านอาจารย์แสดงไว้ให้ได้ติดตามดีครับ กราบ สาธุครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง และยินดีในความดี อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
อนุโมทนายิ่งในกุศลวิริยะของอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย
จริงค่ะมองเห็นอกุศลคนอื่นเพราะรอบๆ ข้างเห็นแต่อกุศลทั้งนั้นบอกใครก็ไม่ได้เพราะตามเหตุปัจจัยของแต่ละจิตที่จะเกิดขึ้นตามเหตุและผลที่กรกะทำเอาไว้ค่ะ น้อมกราบพระศาสดาน้อมบูชาด้วยจิตที่บริสุทธิ์
กราบอนุโมทนากุศลธรรมค่ะท่านอาจารย์และกัลยานมิตรทุกท่าน