เพียงสิ่งที่ปรากฏให้ได้ยิน

 
บ้านธัมมะ
วันที่  20 ส.ค. 2565
หมายเลข  43505
อ่าน  981

เพียงสิ่งที่ปรากฏให้ได้ยิน

就只是生起被聽到的聲音而已


問: 我們可以辨別出在後面講話的人到底是男生或女生,可是人講話的聲音是心生色法,但是心卻又沒有分男女。那,為什麼心產生的色法 “聲音” 可以辨別出基本上有男生女生明顯的差別?

ผู้ถาม: เราสามารถที่จะแยกแยะได้ว่า เสียงที่กำลังพูดคุยอยู่ด้านหลังของเรานั้นเป็นเสียงผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เสียงที่พูดคุยกันของมนุษย์นั้นเป็นรูปที่เกิดจากจิต แต่จิตไม่มีเพศหญิงหรือเพศชาย แล้วเหตุใดรูปที่เกิดจากจิต "เสียง" โดยพื้นฐานแล้วจึงสามารถที่จะแยกเสียงผู้หญิงและเสียงผู้ชายที่ต่างกันได้อย่างชัดเจน?

Ajhan Sujin: 倘若沒有 “記憶” 可以辨別嗎? 因為有 “記憶” 去記住,因此 “記憶” 能夠辨別。那麼,那個人的聲音是心生色,當然這個聲音被經驗的時候是 “記憶” 記住了這些聲音的細節。

อ.สุจินต์: ถ้าไม่มี "สัญญา" สามารถที่จะแยกแยะได้ไหม? เพราะเหตุว่ามี "สัญญา" ทรงจำไว้ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถที่จะแยกแยะได้ แล้วเสียงของบุคคลนั้นเป็นจิตตชรูป แน่นอนว่าขณะที่รู้เสียงนั้น ขณะนั้นสัญญาทรงจำรายละเอียดของเสียงเหล่านั้นไว้

現在任何情境下,不管經驗的什麼聲音或者是其他的,當聲音被經驗的那一刻,同心一起生起的記憶心所立刻的就標記起來了,如果沒有 “記憶” 去標記,去記住,我們有可能瞭解現在所聽到的聲音以及聲音的意義是什麼嗎?

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใด ไม่ว่าเสียงที่รู้นั้นจะเป็นเสียงอะไรก็ตาม ทันทีที่เสียงนั้นปรากฏ สัญญาก็ทรงจำพร้อมกับจิตที่รู้ในเสียงขณะนั้น ถ้าไม่มี "สัญญา" ทรงจำไว้ เราจะสามารถเข้าใจเสียงที่ได้ยินรวมถึงรู้ความหมายของเสียงได้ไหม?

因此,當有生起的法就一定有 “記憶” 標記記住所生起的那個法。比如說,我們現在周圍的看一下,不管是在看的那一刻,或者是在想着那個被看到的,每一刻都一定有這個 “記憶” 標記記住所生起的法。 每一刻的人,每一刻的聲音有沒有不同?

ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีสภาพธรรมเกิดขึ้น ก็ต้องมี "สัญญา" ทรงจำสภาพธรรมที่เกิดขึ้นนั้นไว้อย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่น เดี๋ยวนี้เราเพียงมองไปรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นขณะที่เห็น หรือขณะที่คิดนึกถึงสิ่งที่เห็น ทุกขณะต้องมี "สัญญา" จำหมายในอารมณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น คนในแต่ละขณะ เสียงในแต่ละขณะมีความแตกต่างกันไหม?

倘若 “記憶” 沒有生起,這些所生起的法都不會被知道。“記憶” 標記記住,沒有分男分女。 任何的聲音,任何細節,任何被經驗的對象,都被“記憶”標記記住。 所以現在這一刻 “記憶” 有出現嗎? 誰能讓 “記憶” 生起嗎?

ถ้าไม่มี "สัญญา" เกิดขึ้น ก็จะไม่สามารถที่จะรู้สภาพธรรมนั้นที่เกิดขึ้นได้เลย "สัญญา" เพียงจำหมายในอารมณ์ ไม่มีการแบ่งชายหรือหญิง ไม่ว่าจะเป็นเสียงใด ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดใดๆ ไม่ว่า สิ่งที่รู้จะเป็นอะไร "สัญญา" ก็ทรงจำ จำหมายในอารมณ์ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ "สัญญา" ปรากฎไหม? มีใครสามารถทำให้ "สัญญา" เกิดขึ้นได้ไหม?

“記憶” 生起執行它的功能標記記住然後就滅去又在生起滅去。 “記憶”是誰的嗎? 智慧可以知道 “記憶” 就是那個法,有一個法它生起標記記住然後就滅去了。 這個 “記憶” 它生起立即就滅去了, 記憶不是誰。

"สัญญา" เกิดขึ้นกระทำกิจหน้าที่ทรงจำ จำหมายในอารมณ์ จากนั้นก็ดับไป แล้วก็เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป "สัญญา" เป็นของใครไหม? ปัญญาสามารถที่จะรู้ได้ว่า "สัญญา" เป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ที่เกิดขึ้นกระทำกิจจำแล้วก็ดับไป "สัญญา" เกิดขึ้นกระทำกิจ แล้วก็ดับไปทันที สัญญา ไม่ใช่ใครเลย

“眼識” 現在就在看,所以 “眼識” 不是 “記憶” 去標記記住。那,“記憶” 標記記住的它生起來也同樣的立即滅去。 “記憶” 和 “眼識” 這兩個法都是要有因緣條件才能生起,而且是不同的因緣條件。它們生起執行自己的功 能立即就滅去了。 所以,它們可以被認為是誰的“記憶”嗎? 被認為是誰的“眼識”嗎? 可以屬於誰的靈魂嗎? 這是真相還是不是?

"จิตเห็น" เดี๋ยวนี้กำลังเห็น ดังนั้น "จิตเห็น" ไม่ใช่ "สัญญา" ที่กระทำกิจจำ จิตเกิดแล้วดับ "สัญญา" ที่เกิดร่วมด้วยทำหน้าที่จำหมายในอารมณ์นั้นก็ดับไปทันทีเช่นกัน "สัญญา" และ "จิตเห็น" ทั้งสองอย่างนี้เป็นสภาพธรรม ที่เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิด และเกิดจากปัจจัยที่แตกต่างกันด้วย เกิดขึ้นกระทำกิจหน้าที่ของตนแล้วก็ดับไปทันที เพราะฉะนั้นสามารถที่จะถือเอาว่านี่คือ "สัญญา" ของใครได้ไหม? ถือเอาว่านี่คือ "จิตเห็น" ของใครได้ไหม? สามารถที่จะไปเป็นดวงวิญญานของใครได้ไหม? นี่คือความจริงหรือว่าไม่ใช่?

我們在聽聞的真相,在思考的真相,那個真相就是現在。否則,從生到死都沒有機會去瞭解真相就是現在,謹慎的去思考所聽聞到的。 是對還是錯?是真還是假? 這樣的去思考和一直在無明中不知道在那裡的是什麼是很大的差別。 所以生命中什麼最珍貴呢? 在凡夫俗子一般的狀況裡都不知道正在發生的是什麼? 一刻接著一刻這樣的不知道下去,還是依據 三藐三佛陀的教導,去瞭解現在正在發生的真相是什麼? 在思考男生或女生的聲音時,那個時候有沒有“記憶”? 那個時候的心一定有 “記憶” 同 “眼識” 生起,這一刻值得不值得去知道?

เรากำลังฟังสิ่งที่มีจริง กำลังคิดถึงสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริงอันนั้นก็คือเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น ตั้งแต่เกิดจนตายก็จะไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจความจริงก็คือเดี๋ยวนี้ ต้องคิดพิจารณาโดยรอบคอบในสิ่งที่ได้ยินด้วย เป็นสิ่งที่ถูกหรือสิ่งที่ผิด? เป็นความจริงหรือว่าไม่จริง? การคิดพิจารณาเช่นนี้ กับ การที่อยู่ในอวิชาความไม่รู้โดยตลอด เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างยิ่ง ดังนั้น ชีวิตที่เป็นไป อะไรเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด? โดยทั่วไปชีวิตของปุถุชนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่กำลังปรากฎคืออะไร? ในแต่ละขณะแต่ละขณะเป็นอย่างนี้เรื่อยไป ต่อเมื่อได้อาศัยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เข้าใจความจริงของเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ว่าคืออะไร? ขณะที่กำลังคิดถึงเสียงของชายหรือเสียงของผู้หญิงนั้น ขณะนั้นมี "สัญญา" ไหม? แน่นอนว่าจิตในขณะนั้นต้องมี "สัญญา" เกิดพร้อมกับจิตเห็น มีประโยชน์ไหมที่จะเข้าใจในขณะนี้?

Sarah: 當在思考的時候,心是主要去經驗的領導者,但是,心是需要同 “尋心所” (vitaka) “記憶心所” (sanna) 以及其它的心所。 思考的那一刻,一定有許多不同的心所伴隨心一起生起在思考。例如,你想要說話的那一刻,倘若從思維到說出話來的因緣條件俱足的話就會發出聲音。

ซ่าร่า: ในขณะที่กำลังคิด จิตเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้ แต่จิต ต้องเกิดพร้อมกับ "วิตก" "สัญญา" รวมถึง เจตสิกอื่นๆ ด้วย ขณะที่คิดนั้น แน่นอนว่าต้องมีเจตสิกมากมายเกิดร่วมด้วยกับจิตที่กำลังคิดในขณะนั้น เช่น ขณะที่มีความประสงค์จะพูด ตั้งแต่คิดจนกระทั่งกล่าวคำออกมานั้น ถ้าเหตุปัจจัยพร้อม ก็จะมีเสียงเปล่งออกมา

當然發出的聲音就只是聲音,聲音是聲音,聲音是色法,聲音不是心,聲音與心是不同的法。心當然是沒有男女,心只是去經驗而已。 每一刻的心是不一樣的,所以產生出來的聲音也是不一樣,還有很多不同的細節,因此 “記憶” 標記記住了,所以我們才能夠去辨別去思考,根據這些不同的細節去思考。

เสียงที่เปล่งออกมานั้นเป็นเพียงเสียงเท่านั้น เสียงเป็นเสียง เสียงเป็นรูปธรรม เสียงไม่ใช่จิต เสียงและจิตเป็นสภาพธรรมที่แตกต่างกัน และจิตไม่มีเพศชายหรือหญิง จิตเป็นเพียงสภาพรู้เท่านั้นเอง จิตในแต่ละขณะย่อมแตกต่างกันออกไป ดังนั้น เสียงที่เกิดขึ้นจึงมีความละเอียดแตกต่างกันออกไป ด้วย เหตุนี้ เมื่อ"สัญญา"จำหมายในอารมณ์เหล่านั้น เราจึงสามารถคิดถึงได้โดยความแตกต่างกันจากความละเอียดที่แตกต่างกันนั้นเอง

色法有四種來源。 “聲音” 是色法,但是對聲音而言源於兩種生色法,源於 “心生色” 和 “溫度生色”,比如說,我們一講話的時候的聲音是源於“心生色”,然而立即就滅去了,接下來是溫度生的色法持續的生滅。 當聲音有條件生起時,聲音是跟色聚在一起的,這個色聚裡面一定有四大,所以這裡面的土元素,火元素,風元素,以及溫度都會影響到聲音聽起來是什麼樣的細節,這個色聚裡面也有水元素它是聚合的功能,那麼它也是會影響到這個聲音的細節,但是水元素是被意門經驗的,水元素不能透過身體感官根門被經驗。

รูปเกิดได้โดย ๔ สมุฏฐาน "เสียง" เป็นรูปธรรม เกิดได้โดยสองสมุฏฐาน คือ เกิดโดยมีจิตเป็นสมุฏฐาน และโดยอุตุเป็นสมุฏฐาน ตัวอย่างเช่น ในขณะที่เราเปล่งเสียงที่จะพูด เสียงนั้น เป็นรูปที่เกิดจากจิต จากนั้นก็ดับไปทันที ต่อจากนั้นคือรูปที่เกิดจากอุตุเกิดดับสืบต่อกันมา เสียงเกิดได้ เพราะมีปัจจัย เสียงอยู่ในกลุ่มของรูปกลาป ในรูปกลาปนี้มีมหาภูตรูป ๔ ดังนั้น ธาตุดิน ไฟ ลม รวมถึง อุตุ เป็นปัจจัยให้เสียงที่เกิดขึ้นนั้นมีรายละเอียดต่างๆ และในรูปกลาปนี้ก็มีธาตุน้ำด้วย เป็นสภาพที่เอิบอาบทำหน้าเกาะกุมรูปต่างๆ ไว้ และก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เสียงมีรายละเอียดที่ต่างกัน แต่ธาตุน้ำเป็นรูปที่รู้ได้ทางใจ ไม่สามารถที่จะรู้ได้ทางกาย

對色法而言,“業生色” (kammasamutthnarupa) 其中裡有,男根 (itthi-indriya) ,女根 (purisindriya) ,還有一種“業生色”稱為,命根色 (jivitindriya) 就是有生命的身體和沒有生命的屍體摸起來會不一樣。 有些 “業生色” 的色聚會有 “性根色” (bhavarupa) 男根或女根,例如 皮膚外表的特徵可以看出來是男生或女生,這是“性根色”所影響的。 就如剛才老師所說的“記憶” (sanna) ,倘若沒有“記憶”標記記住,就不可能知道這些聲音不同的細節,有時候我們也會把女生的聲音當成是男生的聲音以為 是男的在講話。

สำหรับรูปที่เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน หรือที่เรียกว่า"กรรมชรูป" นั้น มีหลายรูป เช่น ปุริสภาวรูป อิตถีภาวรูป ชีวิตินทริยรูป คือรูปที่ดำรงชีวิต ถ้าจับร่างกายของสิ่งที่มีชีวิตกับศพที่ไม่มีชีวิตจะมีความแตกต่างกัน กรรมชรูปบางกลาปก็จะมี ภาวรูป คือรูปหญิงและรูปชาย เช่น สภาพผิวพรรณภายนอกก็แลดูได้ว่าเป็นชายหรือว่าหญิง นี่คือ ความต่างของภาวรูป ตามที่ท่านอาจารย์กล่าวถึง"สัญญา" ในเมื่อครู่ ว่าถ้าไม่มี "สัญญา" จำหมายในอารมณ์ ก็จะไม่สามารถที่จะรู้ในรายละเอียดของเสียงที่แตกต่างกันได้เลย บางครั้งเราก็อาจเข้าใจเสียงของผู้หญิงว่าเป็นเสียงของผู้ชาย และเข้าใจเสียงของชายว่าเป็นเสียงผู้หญิงได้

Jon: 心是沒有分性別,沒有分男生女生,聲音也是如此沒有分男分女,因為 “聲音” 是 “心生色” ,這個色法的聲音也是沒有分男生女生。就像剛剛老師跟Sarah的解釋一樣,當我們在思考男生或女生的時候,已經是思考了。 對於經驗聲音以及思考聲音,這件事情是有非常多的 不同因緣,那麼我們也可以注意到同一個人的聲音,在平常時和感冒時會不一樣的,或者隨著年齡的增長聲音也會變得不一樣。 所以聲音是有很多的條件,即使聲音是因為感冒或年齡的增長而變化,但是我們也能聽出是那個人的聲音。 通常我們是可以辨別出是男生或女生,而且不只是這樣,更進一步,同樣是男生也會知道是不同男生的聲音,對我而言,前者可以聽出是男生的聲音還是女生的聲音,和 後者同樣是男生的聲音也可以聽得出是不同男生的聲音,這兩者其實都是同樣的問題。

จอน: จิตไม่มีเพศ จิตไม่ได้แบ่งเป็นชายหรือหญิง เสียงก็เช่นกัน ไม่มีแบ่งเพศชายหรือหญิง เพราะเหตุว่า "เสียง" เป็นรูปที่เกิดจากจิต เสียงที่เป็นรูปธรรมก็ย่อมไม่มีเพศหญิงหรือชาย ก็เหมือนกับที่ท่านอาจารย์ และซ่าร่ากล่าวอธิบายไปเมื่อครู่ ในขณะที่คิดถึงชายหรือหญิง ขณะนั้นเป็นคิดไปแล้ว สำหรับการรู้เสียงกับการคิดถึงเสียง สภาพทั้งสองนั้นมีปัจจัยต่างๆ ที่ต่างกันมากมาย ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าเสียงของคนๆ เดียวกัน เสียงที่ ปกติกับเสียงเวลาที่เป็นหวัดไม่เหมือนกัน หรืออายุที่เพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้เสียงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ดังนั้นความต่างกันของเสียงมีเหตุปัจจัยหลากหลายมาก แม้เสียงจะเปลี่ยนไปเพราะอายุมากขึ้นหรือเพราะเป็นหวัด เราก็ยังคงฟังรู้ว่าเป็นเสียงของใคร โดยปกติไม่เพียงแต่สามารถแยกแยะเสียงผู้หญิงกับผู้ชายได้เท่านั้น แม้จะเป็นผู้ชายด้วยกันก็สามารถที่จะรู้ความต่างของเสียงผู้ชายแต่ละคน โดยส่วนตัวแล้ว ทั้งสองประเด็นก็เป็นเรื่องเดียวกัน

問: 我們是能聽得出是男生或女生的聲音,那,有些人會模仿鳥的叫聲,模仿得很像,像到我們都分不清到底是鳥的聲音還是人的聲音,這是什麼色法所造成的?

ผู้ถาม: เราสามารถที่จะฟังรู้ว่าเป็นเสียงผู้หญิงหรือชาย แล้วกรณีคนที่เลียนแบบเสียงร้องของนกได้เหมือนมาก เหมือนจนกระทั่งแยกไม่ออกเลยว่าเป็นเสียงนกหรือเสียงคนกันแน่ กรณีนี้เป็นรูปที่เกิดจากอะไร?

Jon: 這是不同的累積所造成的,例如,有些人很會唱歌或者是有其它的才能,這都是因為累積來的,所以那個人的模仿,是模仿的維妙維肖。

จอน: เกิดจากการสะสมที่แตกต่างกัน เช่น บางคนร้องเพลงเก่งมาก หรือมีพรสวรรค์ด้านอื่นๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการสะสม การเลียนแบบของเขาจึงเลียนแบบได้เสมือนจริง

Sarah: 是什麼樣的色法會影響這種模仿的聲音那麼像動物的叫聲,主要的就是 “四大” 土、水、火、風,在二十八種色法除了 “四大” ,另外二十四種都是 “四大” 衍生出來的色法,是依靠四大而有。不管是男根或女根或者是其它的色法,都是因為這個“四大”比率的不同。

ซ่าร่า: รูปใดที่มีส่วนทำให้เสียงที่เลียนแบบเกิดขึ้นเหมือนเสียงร้องของสัตว์ จะมีรูปที่เป็นใหญ่คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ในรูป ๒๘ นอกจาก มหาภูตรูป ๔ นี้แล้ว ยังมีรูปอีก ๒๔ รูป ที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ จึงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปผู้ชายหรือรูปผู้หญิง หรือรูปอื่นๆ ทั้งหมดเป็นเพราะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไปของมหาภูตรูป ๔

Ajhan Sujin: 聲音生起的因緣條件是什麼? 就是現在

อ.สุจินต์: เหตุปัจจัยที่ทำให้เสียงนั้นเกิดขึ้นคืออะไร? คือเดี๋ยวนี้

Sarah: 如果是人講話的話,一定是要先有心,有意圖要說話才會發出聲音,才有條件發出聲音。

ซ่าร่า: ถ้าเป็นคนคุยกัน แน่นอนว่าต้องมีจิต มีเจตนาที่จะเปล่งเสียงนั้นออกมา จึงเป็นปัจจัยให้เสียงเกิดขี้น

Ajhan Sujin: 如果心想要說話,但是,那個人的嘴唇、舌頭、喉嚨有問題不能動,那個人能發出聲音嗎?

ถ้าจิตต้องการที่จะพูด แต่คนนั้นไม่มีปาก ไม่มีลิ้น กล่องเสียงมีปัญหาใช้การไม่ได้ คนนั้นจะยังคงเปล่งเสียงออกมาได้ไหม?

現在在講話的這一刻,一定有心生色,想要講話發出聲音來。 即使是沒有想要講話,沒有想要發出聲音,舌頭也沒有動,嘴唇也沒有動,但身體內部有可能也會發出聲音來。 所以有兩種主要的因緣條件讓 “聲音”生起,一種是“心生色”,另一種是“溫度生色”。 外部的 “聲音” 一定是 “溫度生色”,重點的是,完全什麼都不是,並不是誰,不是什麼聲音,不是任何東西。 瞭解法是要慢慢放掉我的存在,這些法並不是我。

เดี๋ยวนี้ ขณะที่กำลังพูด แน่นอนว่าต้องมีจิตตชรูป ซึ่งเป็นรูปที่เกิดจากจิตมีความประสงค์ที่จะเปล่งเสียงออกมา แม้ไม่ได้มีความต้องการที่จะพูด ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา ลิ้นก็ไม่ได้ขยับ ริมฝีปากก็ไม่ได้ขยับ แต่ภายในร่างกายบางแห่งก็มีเสียงเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นมีปัจจัยสองอย่างที่เป็นเหตุปัจจัยให้เสียงนั้นเกิดขึ้น หนึ่งคือ จิตตชรูป อีกอย่างหนึ่งคืออุตุชรูป เสียงที่เกิดจากภายนอกนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นเสียงที่เกิดจากอุตุรูป ข้อสำคัญคือ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่อะไรเลย ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เสียงใคร ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด การเข้าใจธรรมะคือต้องค่อยๆ ละความมีเรา สภาพธรรมทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรา

法生起立即就滅去,倘若,這件事情不能夠真正慢慢的被瞭解,也是沒有辦法放掉這個法,是誰的,是這個或那個法。 所以並不是說誰要讓什麼聲音生起,不管這個聲音,是因為 “心生色” 還是 “溫度生色” 而生起,都不是誰可以決定的。 現在有聲音是不是?為什麼會有聲音? 如果沒有因緣條件的話 “聲音” 能夠生起嗎? 所以要真正瞭解的重點就是,這個 “聲音” 並不是誰的聲音,例如,這一刻,我的聲音,並沒有誰能擁有 這個聲音,然後,生起就滅了。

ธรรมะเกิดขึ้นแล้วดับไปทันที ถ้ายังไม่สามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างถ่องแท้จริงๆ ก็จะไม่มีทางที่จะละคลายความยึดถือว่าเป็นสภาพธรรมของใคร เป็นสภาพธรรมนั้น เป็นสภาพธรรมนี้ เพราะฉะนั้นไม่มีใครทำให้เสียงนั้นเกิดขึ้น ไม่ว่าเสียงที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นโดยจิต หรืออุตุ ก็ไม่ใช่ใครที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ เดี๋ยวนี้มีเสียงไหม? ทำไมจึงมีเสียง? ถ้าไม่มีเหตุปัจจัย "เสียง" สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ไหม? เพราะฉะนั้นจุดสำคัญที่ควรจะเข้าใจจริงๆ คือ เสียงนี้ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใครทั้งสิ้น เช่น เสียงของดิฉันในขณะนี้ ไม่ใช่มีใครเป็นเจ้าของเสียง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป。

如果不能夠瞭解那個 “聲音”(法),就不可能真正的捨離。因為不瞭解“聲音”(法),就會誤認為是某個誰,或是某個誰的 “聲音”。 所以我們要瞭解的是,那一刻在那裡的不管是什麼,都是無我。否則就只是文字,就如現在這一刻,“聲音” 被聽到了,然後就過去了。

ถ้าไม่สามารถที่จะเข้าใจ"เสียง" ก็ไม่สามารถที่จะละได้จริงๆ เพราะจะเข้าใจว่าเสียงนั้นเป็นใคร หรือไม่ก็เป็นเสียงของคนใดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องเข้าใจก็คือ สิ่งที่ปรากฎในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ทั้งหมดไม่ใช่เรา มิฉะนั้นสิ่งที่เรียนมาทั้งหมด ก็จะเป็นเพียงพยัญชนะเท่านั้น ก็เหมือนกับเดี๋ยวนี้ "เสียง"ในขณะนี้ถูกได้ยินแล้ว จากนั้นก็ผ่านไปเพราะดับไปแล้ว

倘若不能夠瞭解 “聲音” 的特徵其實就是無常,無我,是有因緣條件而生起,如果,沒有真正這樣的瞭解是不能夠捨離。 這就是我們要去瞭解真相的重點,生起的法不管是什麼,它已經沒有了,不在了。否則我們不知道真相是已經不在了,可是我們一直認為是有什麼在那裡存在,當作恆常。 這是三藐三佛陀的教導,幫助我們去瞭解在那裡的真相,其實,生起什麼都已經滅了,沒有了,不在那裡了。

ถ้าไม่สามารถเข้าใจลักษณะของ "เสียง" ว่าไม่เที่ยง เป็นอนัตตา มีเหตุปัจจัยจึงเกิด ก็ไม่สามารถได้ที่จะละได้จริงๆ นี่คือจุดที่สำคัญที่จะเข้าใจความจริง ว่าสภาพธรรมที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดก็ตาม ไม่เหลือแล้ว หมดไปแล้ว มิฉะนั้นเราก็จะไม่รู้ว่าสภาพธรรมนั้นไม่มีแล้ว แต่ยังคงเข้าใจว่ายังมีอยู่ เป็นอะไรที่เที่ยง อยู่ตรงนั้น นี่คือสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอน ทรงเกื้อกูลให้เราเข้าใจความเป็นจริงว่า ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นก็ดับไปหมดแล้ว ไม่เหลือ ไม่มีแล้ว

我們是不是已經瞭解了,“聲音”它只是一個法,一種法而已? 我們討論了這些“聲音”不同的各種各樣的細節,其實是各種因緣條件。目的是為了能夠更瞭解,並不是誰要它生起,它就只是不同的條件而已。 這是不是生命? 一刻接著一刻,不管是,出生或死亡。 真相是可以被瞭解的,倘若有可以瞭解的因緣條件,就可以去思考真相是什麼?

เราเข้าใจความจริงของเสียงแล้วหรือยังว่าเสียงเป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น? เราสนทนาถึงความแตกต่างในรายละเอียดของเสียงต่างๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นเพียงปัจจัยต่างๆ เท่านั้นเองที่ทำให้มีความหลากหลาย จุดประสงค์เพื่อสามารถที่จะเข้าใจเพิ่มขึ้น ว่าไม่ใช่เป็นเพราะใครต้องการให้สิ่งนั้นเกิด เป็นเพียงเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน นี่คือชีวิตใช่ไหม? แต่ละขณะเกิดดับสืบต่อกัน ไม่ว่าจะเกิดหรือตาย สิ่งที่มีจริงสามารถที่จะเข้าใจได้ ถ้ามีเหตุปัจจัยที่จะเข้าใจความจริงได้ ก็สามารถพิจารณาได้ว่าความจริง คืออะไร?

所以現在是時候去瞭解真相了,因為,現在就正這裡。不過要真的瞭解,是必須要直接經驗現在的法。直接經驗法的條件也必須是對法的真相有非常堅定的信心和瞭解,才能夠有因緣條件去直接經驗法,除了那一刻的法,此外都不是重點了。

เพราะฉะนั้น ถึงขณะนี้ ได้เวลาแล้วที่จะเข้าใจความจริง เพราะว่า เดี๋ยวนี้ก็อยู่ที่ขณะนี้ การที่จะเข้าใจสภาพธรรมได้จริงๆ จำเป็นที่จะต้องรู้ตรงสภาพธรรมที่กำลังปรากฎเดี๋ยวนี้ และสิ่งที่จะเป็นปัจจัยให้มีการเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฎคือ ต้องมีศรัทธาที่มั่นคงที่จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ จึงจะเป็นเหตุปัจจัยให้รู้ตรงสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ นอกจากขณะนี้แล้ว ขณะอื่นไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย

所以,我們現在正在作的就是,培養聞慧,思慧。培養堅定的信心和瞭解真相,就是正在培養直接經驗法的因緣條件。 倘若聽聞思考,沒有真正的累積成為經驗法的因緣條件,表示這樣的聽聞思考是無用益,因為那個聽聞思 考佛法不是真正的瞭解。否則,又怎麼會知道法在那裡? 這道問題答案是從何而來? 法是非常的接近,法現在就在這裡,法是一次一個法被經驗,所以,法的真相不是在文字上,而是在於去瞭解現在正在出現的法的真相。因此,我們研讀佛法,那法在哪裡? 法就是在現在這裡,對現在不是我的瞭解又有多少的瞭解?

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากำลังกระทำอยู่เวลานี้ ก็คือการอบรมเจริญปัญญาขั้นการฟังและการพิจารณาธรรม อบรมศรัทธาที่มั่นคงที่จะเข้าใจความจริง นี่คือการอบรมเจริญปัจจัยในการที่จะรู้ตรงสภาพธรรม การฟังและการพิจารณาจะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าการฟังและการพิจารณานั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อความเข้าใจจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า ธรรมะอยู่ที่ไหน? คำตอบของคำถามนี้จะได้จากไหน? ธรรมะอยู่ใกล้มากๆ อยู่ที่ นี้เดี๋ยวนี้ สภาพธรรมนั้นรู้ได้ทีละหนึ่ง เพราะฉะนั้นความจริงของสภาพธรรมไม่ได้อยู่ที่ตัวหนังสือ แต่อยู่ที่ความเข้าใจลักษณะของธรรมที่กำลังปรากฎตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นเราศึกษาธรรมะ แล้วธรรมะอยู่ไหน? ธรรมะอยู่ที่ตรงนี้เดี๋ยวนี้ และการเข้าใจในความไม่ใช่เรา มีความเข้าใจมากแค่ไหน?

現在有沒有什麼在出現呢? 所以佛陀的話是在幫助我們培養智慧。 去瞭解現在正在出現的真相是什麼? 當然,直接經驗法的特徵是更高的智慧,是另外不同階段的智慧。 什麼在那裡? 這個問題是在提醒,幫助我們去思考瞭解在那裡的真相,倘若沒有智慧的累積培養是不會有機會去瞭解真相,就跟以前一樣一直在無明中。

เดี๋ยวนี้ มีอะไรที่กำลังปรากฎ? คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังเกื้อกูลในการอบรมเจริญปัญญา การเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฎว่าคืออะไร? แน่นอนว่า การรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมต้องเป็นปัญญาในระดับที่สูงมาก เป็นปัญญาที่ต่างระดับอีกระดับหนึ่ง สิ่งใดอยู่ที่นั่น? คำถามนี้คือคำเตือนที่ช่วยให้เราได้คิดพิจารณาความจริงของสิ่งที่มีจริง ถ้าไม่มีการอบรมเจริญปัญญาก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจความจริงนั้นได้ ก็จะอยู่ที่ในกรงของอวิชชาเช่นที่เป็นมาตลอด

聞慧思慧的培養,累積堅定信心的過程,會愈來愈靠近法的真相。 佛陀教導的目的是要我們瞭解現在在那裡的法,並不是任何人或誰,這個生起滅去的真相是什麼? 如果我們不去瞭解法的真相,我們就會一直認為,是我在看、我在聽、我在想,就跟以前累積的一樣。 所以對 “聲音” 這件事情有沒有清楚了呢? “聲音” 是源於 “心生色” (cittasamutthanarupa)或者 源於“時節生色”(utusamutthanarupa)主要的因緣條件而生起的法。即使色法的壽命是十七刻心的生滅,但色法的壽命還是非常的短暫。 現在我們聽到的 “聲音” ,先是 “心生色” ,滅去之後接下來是 “溫度生色” 。 重點是要慢慢的捨離這個 “聲音” 的法並不是任何一個人,或任何一個東西。 慢慢的,一點一點的去瞭解。

การอบรมเจริญปัญญาขั้นฟังและพิจารณา การสะสมศรัทธาที่มั่นคง จะทำให้ยิ่งเข้าใก้ลความจริง สิ่งที่พระพุทธองค์สอนคือให้เราเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ว่าไม่ใช่ใครหรือคนใดคนหนึ่ง แล้วความจริงของสภาพธรรมที่เกิดดับคืออะไร? ถ้าเราไม่ไปเข้าใจความจริงของสภาพธรรม เราก็จะเข้าใจผิดโดยตลอดว่าเป็นเราที่เห็น เป็นเราได้ยิน เป็นเราที่คิดนึก ก็ยังคงเป็นเหมือนอย่างเดิมที่ได้สะสมมา เพราะฉะนั้นเรื่องของ "เสียง" พอจะชัดเจนขึ้นบ้างแล้วหรือยัง? เหตุที่เกิดทำให้เกิดเสียงคือ จิต และอุตุ และแม้อายุของรูปจะเท่ากับจิตเกิดดับ 17 ขณะ แต่อายุของรูปนั้นก็ยังคงแสนสั้น เดี๋ยวนี้"เสียง" ที่เราได้ยินนั้น เกิดโดยมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เกิดก่อน แล้วก็ดับไป จากนั้นก็เกิดโดยมีอุตุเป็นสมุฏฐาน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องค่อยๆ ละความเข้าใจผิดว่าเสียงนั้นเป็นใคร หรือเป็นเสียงของสิ่งหนึ่งสิ่งใด ค่อยๆ ไปเข้าใจ ที่ละนิดทีละนิด

Sarah: 比如說,老師發出的聲音是 “心生色”,在一瞬間是 “心生色”,在色聚裡面也有 “溫度”。 我們聽到老師的 “聲音” 已經不是心生色的那個色法了,那個色法已經滅去了,接下來是“時節生色”是溫度所產生的色法,是溫度成為條件維持這個聲音生 滅。所以我們聽到的聲音,一定都只是 “時節生色” 溫度產生的色法。 就好像是我們聽收音機,聽到電臺主持人的聲音,事實上,那個聲音是溫度產生的聲音,在那之前之前的之前,從電臺主持人最初時的聲音,那個色聚裡有四大溫度的火元素它也會是支持那個聲音的因緣條件,最初的那個聲音滅了,接下來的聲音都是源於 “時節生色” 就是溫度產生的聲音。

ซ่าร่า: ตัวอย่างเช่นเสียงของท่านอาจารย์ คือรูปที่เกิดจากจิต ในชั่วขณะหนึ่งคือรูปที่เกิดจากจิต ในกลุ่มของรูปกลาปนั้นก็มีอุตุคือเตโชรูปด้วย ตอนนี้ที่เราได้ยินเสียงของท่านอาจารย์นั้น ไม่ใช่รูปที่เกิดจากจิตแล้ว แต่เป็นรูปที่เกิดจากอุตุ รูปที่เกิดจากจิตนั้นได้ดับไปแล้ว อุตุจึงเป็นปัจจัยให้เสียงที่เกิดขึ้นนั้นเกิดดับสืบต่อกันมา เสียงที่เราได้ยินนั้น จึงเป็นเพียงเสียงที่เกิดจากอุตุเท่านั้น ก็เหมือนกับเราฟังวิทยุ ฟังเสียงของผู้ดำเนินรายการ ความจริงของเสียงนั้นเป็นเสียงที่เกิดจากอุตุ ก่อนที่จะเป็นเสียงนั้น ก่อนก่อนไปอีกจนกระทั่งไปถึงจุดเริ่มของเสียงจากตัวผู้ดำเนินรายการ ในรูปกลาปนั้นมีมหาภูต รูป 4 ธาตุไฟหรืออุตุเป็นปัจจัยให้เกิดจุดเริ่มของเสียง แล้วดับไป จากนั้นเสียงที่เกิดขึ้นต่อมาทั้งหมด เกิดจากอุตุ

今天在這個佛法討論,我聽到的聲音,不管是老師聲音、Vincent 的聲音、是誰或誰的聲,都是 “記憶” 記住音各種不同細節的聲音。聲音就只是聲音,不管是哪一種的聲音,男生的聲音,女生的聲音,就只是被聽到而已。 當聲音被聽到的時候,那個世界就只是有聲音而已,只是聲音被聽到了。那,接下來思考各種不同聲音的細節,才會有這個人那個人,各種這個那個的情境故事,但是,在聽的時刻就只是聲音,不是任何誰的聲音。 在聽的那一刻,沒有人能改變那個聲音,沒有誰能阻止或要聲音生起還是不要聲音生起,不管哪一個法生起,都是因緣條件而生起,不是誰能去支配,命令,控制。

ในการสนทนาวันนี้ เสียงที่ดิฉันได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นเสียงของท่านอาจารย์ เสียงของคุณวินเซนต์ หรือเสียงของท่านใดท่านหนึ่งก็ตาม ทั้งหมดเป็นเพราะสัญญา ความจำ จำรายละเอียดต่างๆ ของเสียง แต่ตัวเสียงเป็นเพียงแค่เสียง ไม่ว่าจะเป็นเสียงใด เสียงผู้หญิง เสียงผู้ชาย ก็เป็นเพียงสิ่งที่ถูกได้ยินเท่านั้นเอง ในขณะที่ได้ยินเสียง โลกในขณะนั้นมีเพียงเสียงเท่านั้น เป็นเพียงเสียงที่ถูกได้ยิน จากนั้นจึงมีการคิดถึงความต่างในรายละเอียดของเสียง จึงเกิดมีคนนี้คนนั้น มีเรื่องราวต่างๆ แต่ในขณะที่ได้ยิน ขณะนั้นมีเพียงเสียง ซึ่งไม่ได้เป็นเสียงของใคร ขณะที่กำลังได้ยิน ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงเสียงนั้นได้ ไม่มีใครสามารถห้ามไม่ให้เสียงเกิดหรือต้องการให้เสียงเกิดได้ ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดก็ตามที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุปัจจัยจึงเกิด ไม่มีใครสามารถบังคับ บัญชาได้

當我們真的瞭解在聽的時候,就只是 “聲音” 被聽到。那,不管這個或那個聲音的細節,都沒有誰可以去改變,倘若真的瞭解每一刻的因緣和合無我的本質這件事情,我們就會對,去控制,去練習,逐漸的沒有興趣。因為每一刻,都是因緣條件而生起,每一刻就這樣的過去了過去了。因此,要去控制什麼,控制本身就是不善的。

ถ้าเข้าใจการได้ยินจริงๆ เสียงเป็นเพียงเสียงที่ถูกได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของเสียงนี้หรือเสียงนั้น ก็ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนลักษณะเหล่านั้นได้ ถ้าเข้าใจจริงๆ ว่าทุกขณะเกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีเรา การเข้าใจเช่นนี้ เราก็จะค่อยๆ ไม่สนใจในการที่จะไปบังคับหรือฝึกฝน เพราะเหตุว่าทุกขณะเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิด ทุกขณะก็ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป จะบังคับอะไรได้ และสภาพที่จะบังคับนั้นเอง จริงๆ ก็คืออกุศลธรรม



敬感恩阿姜舒淨 (Ajhan Sujin Boriharnwanaket) 的恩惠

น้อมเคารพในคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

謹以此施法之功德與我們在輪迴裡每一世的父母 師長 同修 親友 仙人 各位讀者及其他一切眾生分享

กุศลในการนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่บิดามารดาในทุกภพทุกชาติ ครูบาอาจารย์ ญาติมิตรสหาย เทวดา และผู้อ่าน รวมถึงสัตว์ทั้งหลาย

By line group Just Dhamma

หมายเหตุ

ที่มา การสนทนาธรรมออนไลน์ระหว่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับ ชาวจีน

สรุปใจความภาษาจีน โดย 陳品彤 เฉินผิ่นถง (คุณแพท)

แปลภาษาไทย โดย คุณปาล สว่างพัฒนกุล (黃如蓮)


อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... บทความแปลภาษาจีน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 20 ส.ค. 2565

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 20 ส.ค. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และยินดีในความดีของคุณแพท คุณปาลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สิริพรรณ
วันที่ 21 ส.ค. 2565

กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูง ที่คอยย้ำเตือนให้เราไม่ลืมว่า การเข้าใจธรรมะนัยต่างๆ หลากหลาย เพื่อนำมาสู่ความเข้าใจ ขณะนี้เดี๋ยวนี้ว่า เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณยินดีในกุศลทุกท่านในการสนทนา และถ่ายทอดให้ได้ศึกษาสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
talaykwang
วันที่ 21 ส.ค. 2565

ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะด้วยนะคะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ