รู้สึกแตะ แล้วเจ็บ แล้วโมโห ผ่านทางกายวิญญาณธาตุ มโนธาตุ และมโนวิญญาณธาตุอย่างไร
อยากให้กรุณายกตัวอย่าง สภาพรู้ ของ กายวิญญาณธาตุ มโนธาตุ และมโนวิญญาณธาตุ เช่น เมื่อรู้สึกที่ผิวหนังว่าแตะ เพราะ กายวิญญาณธาตุหรือไม่ แตะแล้วรู้สึกเจ็บ เจ็บเกิดเพราะมโนธาตุหรือไม่ เจ็บแล้วเกิดโมโห โมโหเกิดเพราะมโนวิญญาณธาตุหรือไม่
ขอขอบพระคุณ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง นั้น ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ธรรม ไม่ใช่ คำ ไม่ใช่ ชื่อ แต่เป็นสิ่งที่มีจริงๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แม้แต่ที่สภาพธรรมที่เป็น กายวิญญาณธาตุ มโนธาตุ และมโนวิญญาณธาตุ ก็มีจริง ธรรม กับ ธาตุ มีอรรถอย่างเดียวกัน คือ สภาพธรรมที่มีจริง ทรงไว้ซึ่งลักษณะของตน ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ขณะที่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย นั่นคือ กายวิญญาณธาตุ เป็นจิตขณะหนึ่งที่เป็นชาติวิบาก กำลังรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย และก่อนที่กายวิญญาณธาตุจะเกิด ก็ต้องมีจิตที่เกิดก่อน คือ กายทวาราวัชชนจิต (ซึ่งเป็นมโนธาตุ) ทำกิจหน้าที่รำพึงถึงอารมรณ์ที่กระทบทางกาย เมื่อกายวิญญาณธาตุดับไปแล้ว ก็มีจิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ คือ สัมปฏิจฉันนจิต (ซึ่งเป็นมโนธาตุ) เมื่อสัมปฏิจฉันจิตดับไป ก็มีจิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ คือ สันตีรณจิต (มโนวิญญาณธาตุ) เมื่อสันตีรณจิตดับไป จิตขณะต่อไปที่เกิดสืบต่อคือ โวฏฐัพพจิต (มโนวิญญาณธาตุ) เป็นจิตที่เกิดก่อนชวนจิต เมื่อโวฏฐัพพนจิตดับไป จิตขณะต่อไป คือ ชวนจิต (มโนวิญญาณธาตุ) เกิดสืบต่อกันกัน ๗ ขณะ และถ้าอารมณ์ที่ปรากฏทางกาย คือ โผฏฐัพพะ ยังไม่ดับไป ก็มีจิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อจากชวนจิต คือ ตทาลัมพณจิต (มโนวิญญาณธาตุ) เป็นธรรม เป็นธาตุ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน
จากประเด็นคำถาม ก็พิจารณาได้ว่า
เมื่อรู้สึกที่ผิวหนังว่าแตะ เพราะ กายวิญญาณธาตุหรือไม่?
ขณะนั้น ต้องมีกายวิญญาณธาตุเกิดขึ้น จึงรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย
แตะแล้วรู้สึกเจ็บ เจ็บเกิดเพราะมโนธาตุหรือไม่?
ธรรมที่เกิด ล้วนเกิดเพราะเหตุปัจจัย ขณะที่รู้สึกเจ็บ เป็นธรรมอีกอย่างหนึ่ง คือ ทุกขเวทนา ซึ่งเกิดกับกายวิญญาณธาตุ ในขณะนั้นเลย เกิดพร้อมกันกับกายวิญญาณธาตุ เมื่อกล่าวถึงเวทนา แล้ว ไม่ใช่มโนวิญญาณธาตุ แต่เป็นธัมมธาตุ
เจ็บแล้วเกิดโมโห โมโหเกิดเพราะมโนวิญญาณธาตุหรือไม่?
โมโห ในที่นี้ ท่านผู้ถาม มุ่งหมายถึง เกิดความไม่พอใจ นั่นเป็นโทสเจตสิก ที่เกิดร่วมกับโทสมูลจิต เฉพาะโทสะ เป็นธัมมธาตุ ส่วนโทสมูลจิต เป็นมโนวิญญาณธาตุ
ขอกล่าวเพิ่มเติม จำแนกจิตออกเป็นวิญญาณธาตุ ๗
จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย จิตเกิดดับสืบต่อกันทีละขณะ จะไม่เกิดพร้อมกัน ๒ - ๓ ขณะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้จิต และ ทรงแสดงความเป็นจริงของจิต ตามความเป็นจริง จิตจำแนกได้หลายนัย โดยนัยที่เป็นธาตุ มีดังนี้
๑. จักขุวิญญาณธาตุ ได้แก่ จักขุวิญญาณ ๒ ดวง
๒. โสตวิญญาณธาตุ ได้แก่ โสตวิญญาณ ๒ ดวง
๓. ฆานวิญญาณธาตุ ได้แก่ ฆานวิญญาณ ๒ ดวง
๔. ชิวหาวิญญาณธาตุ ได้แก่ ชิวหาวิญญาณ ๒ ดวง
๕. กายวิญญาณธาตุ ได้แก่ กายวิญญาณ ๒ ดวง
๖. มโนธาตุ ได้แก่ สัมปฏิจฉันนจิต ๒ ดวง ปัญจทวาราวัชชนจิต ๑ ดวง
๗. มโนวิญญาณธาตุ ได้แก่ จิต ๗๖ ดวงที่เหลือ
จากประเด็นคำถาม มโนธาตุ คือ จิตที่รับรู้อารณ์ได้ ๕ ทวาร เฉพาะทวารของตนๆ เท่านั้น มี ๓ ประเภท คือ ปัญจทวาราวัชชนจิต และสัมปฏิจจฉันนจิต ๒ ดวง รวมเป็นมโนธาตุ ๓
ส่วนมโนวิญญาณธาตุ นั้น หมายถึง จิต ๗๖ ดวง นอกเหนือจากปัญจวิญญาณธาตุ ๑๐ ดวง และนอกเหนือจากมโนธาตุ ๓ ดวง จิต ๗๖ ดวงนี้ เป็นมโนวิญญาณธาตุเพราะรู้อารมณ์ได้ทั้ง ๖ อารมณ์ และเกิดได้ทั้ง ๖ ทวาร และวิบากจิตบางดวงที่ทำกิจปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ ก็รู้อารมณ์ได้โดยไม่ต้องอาศัยทวาร ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...