จัดการอย่างไรกับความขุ่นข้องเมื่อเจอความคิดต่าง
เรียนถามอาจารย์ว่าที่ถูกต้องควรทำอย่างไรค่ะ เมื่อได้รับฟังความคิดที่ต่างกับความคิดของตน มักเกิดความขุ่นข้อง บ้างก็ตอบโต้ไปว่าด้วยเหตุผลตามจริงหรือหลักข้อมูลที่ค้นคว้ามา เพราะมั่นใจว่าตนถูก แต่บางครั้งเลือกที่จะนิ่งเฉยแล้วให้เป็นไปตามที่อีกฝ่ายเสนอหรือต้องการ ดีกว่าออกความเห็นไปแล้วเกิดการโต้แย้ง และไม่ยอมรับ
ขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ที่ถูกต้อง คือ เป็นกุศล
จะเห็นได้จริงๆ ว่า ความโกรธ ความไม่พอใจ ความขุ่นเคืองใจ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้เป็นพระอนาคามีบุคคล ย่อมมีความโกรธเป็นธรรมดา มากบ้าง น้อยบ้าง ตามการสะสมของแต่ละบุคคล ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว คือ โทสเจตสิก ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เมื่อโทสะเกิดขึ้น ก็เกิดร่วมกับจิตและเจตสิกประการอื่นๆ ที่เกิดร่วมกันในขณะนั้นที่ความโกรธเกิดขึ้นนั้น เหตุหลักแล้ว ไม่ใช่บุคคลอื่น ไม่ใช่เหตุการณ์ ไม่ใช่เรื่องราว แต่เพราะยังมีพืชเชื้อของโทสะ ที่ยังไม่สามารถดับได้นั่นเอง
ในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องยากมากที่จะไม่โกรธ ไม่ขุ่นเคืองใจ เพราะเป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลจริงๆ แม้จะตั้งใจเอาไว้ว่า จะไม่โกรธ จะไม่ขุ่นเคืองใจ แต่ก็ไม่สามารถเป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ เพราะเหตุว่า ธรรม เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เมื่อได้เหตุได้ปัจจัย ความโกรธก็เกิดขึ้น
ธรรมไม่ได้พ้นจากชีวิตประจำวัน ความไม่พอใจเป็นธรรมที่มีจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรมก็จะไม่เข้าใจเลยว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา และไม่มีทางที่ธรรมฝ่ายดีจะเจริญขึ้นได้เลย เพราะฉะนั้น ต้องกลับมาที่เหตุที่สำคัญก็คือการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ขณะที่เข้าใจ ย่อมไม่โกรธ และ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น เข้าใจในเหตุในผลตรงตามความเป็นจริง ย่อมเกื้อกูลให้ความดีเจริญขึ้น มีความเป็นมิตรเป็นเพื่อน หวังดีต่อผู้อื่น อดทน และ เห็นใจคนที่มีกิเลสด้วยกัน มีทางใดที่จะเกื้อกูลได้ ก็เกื้อกูลกัน ปัญญา นำไปกิจทั้งปวงจริงๆ เป็นประโยชน์ในกาลทุกเมื่อ ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...