ขออนุญาตถามนะครับ อย่างนี้เป็นการผิดศีลมุสาวาทแล้วใช่ไหมครับ

 
nb2000
วันที่  26 ส.ค. 2565
หมายเลข  43542
อ่าน  392

คือวันนี้ผมตั้งใจรักษาอุโบสถศีลแต่ไม่อยากให้แม่รู้เพราะเขาจะบังคับให้กินข้าว ถ้าไม่กินก็จะด่าว่าไม่หยุดและไม่จบแค่วันนี้ นึกขึ้นมาได้เมื่อไหร่ก็ด่า ถ้าบอกไปตามจริงว่าจะรักษาอุโบสถศีลเขาก็อาจจะด่าการรักษาอุโบสถศีลด้วย (เขากล้าด่าพระและกล้าทำบาปได้ทุกอย่าง) แต่ผมไม่อยากให้เขาบาปเลยตักข้าวไว้เล็กน้อยไม่กินและทิ้งไปโดยถือว่ากินแล้ว (สำหรับผมแล้วการกินกับการทิ้งไปมันเหมือนกัน กินไปแล้วก็ต้องไปทิ้งที่ส้วม) พอเขาถามว่ากินข้าวไปหรือยังผมก็ว่าทำไปแล้ว ให้เค้าเข้าใจว่าผมกินข้าวแล้ว พอพูดจบผมก็รู้สึกเหมือนจิตมันตกเป็นความรู้สึกที่คล้ายกับตอนที่โกหกเลยครับ ผมก็คิดว่าผมน่าจะพลาดแล้ว สรุปคือผมผิดศีลมุสาวาทาแน่แท้แล้วใช่มั๊ยครับ อ่ะก่อนจะมาถามนี้ผมดูองค์ของมุสาวาทมาแล้วนะครับ ผมก็คิดว่าผิดศีลไปแล้วแน่ๆ แต่ผมแค่อยากได้ผู้รู้มายืนยันเฉยๆ น่ะครับ

และจากเรื่องนี้ผมควรทำอย่างไรดีครับ อยากรักษาอุโบสถศีลเอาบุญแต่ที่บ้านก็เป็นอย่างนี้หรือผมควรช่างเขา ถ้าเขาจะบาป ให้เป็นเรื่องของเขาไปดีครับ แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาทำบาปหรอกครับ ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 27 ส.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๙๑

มุสาวาทนั้น มีองค์ ๔ คือ

๑. อตถํ วตฺถุ เรื่องไม่แท้

๒. วิสํวาทนจิตฺตํ จิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อน

๓. ตชฺโช วายาโม ความพยายามเกิดจากจิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อนนั้น

๔. ปรสฺส ตทตฺถวิชานนํ คนอื่นรู้เรื่องนั้น


ถ้าพูดผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ก็ย่อมไม่พ้นจากมุสาวาท แม้ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ไม่ได้หักรานประโยชน์ใคร ก็เป็นการกล่าวเท็จอยู่นั่นเอง ในความเป็นจริงแล้ว คำจริง น่าจะพูดง่ายกว่า ไม่ต้องไปหาเรื่องมาโกหก และอีกอย่าง การพูดคำจริง ย่อมไม่เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนใจในภายหลังเลย เราไม่อาจจะไปเปลี่ยนความประพฤติของคนอื่นได้ แต่เราสามารถที่จะเป็นมิตร หวังดีต่อผู้อื่นได้ทุกเมื่อ พูดคำจริง ประกอบด้วยเหตุด้วยผล ด้วยความหวังดี ปรารถนาต่อผู้อื่น ย่อมเป็นประโยชน์กว่าการที่จะพูดโกหก

อีกอย่างหนึ่ง จุดประสงค์ของการรักษาอุโปสถศีล ไม่ใช่เพื่อต้องการบุญหรืออยากได้บุญ และไม่ใช่รักษาศีล แบบนับข้อ แต่ต้องเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 27 ส.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Purisachaneeya
วันที่ 16 ก.พ. 2566

ธรรมะสวัสดีครับ

กระผมเองก็มีคำถามเรื่องศีลข้อ 4 เพราะวิเคราะห์องค์รวมทั้ง 4 เองไม่ได้ในกรณีนี้จึงขอผู้รู้ช่วยตอบหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า กระผมสั่งซื้อของทางออนไลน์ ราคาเต็มมันอยู่ที่ 2,700 ฿ แต่ช่วงที่ผมซื้อมามันลดราคาอยู่ที่ 2,300 ฿ มีคนถามว่าซื้อมามูลค่าเท่าไร ผมก็ตอบราคาเต็มของสินค้าไป คือ "เกือบสามพัน" (2,700฿) ในตอนที่ตอบไปนั้นไม่ได้เจตนาที่จะผิดศีล เพียงแต่ตอนนั้นไม่พอใจคนถาม มันจึงใจร้อนและลังเลใจว่าจะตอบแบบไหน แล้วตนเองก็พูดตอบขึ้นมาอย่างนั้นไปเลย โดยระหว่างพูดออกไปนั้น กำหนดสติไม่ทันจึงไม่รู้ว่าขณะนั้นจิตมันอยู่ในสภาวะใดมารับรู้สติตัวปลายได้ก็หลังจากที่พูดโพล่งไปด้วยความหงุดหงิดแล้วครับ

กระผมจึงขอผู้รู้ช่วยวิเคราะห์และตัดสินในส่วนของศีลตรงนี้ว่าศีลขาดหรือด่างพร้อยหรือเปล่าครับ

ขอบคุณมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 16 ก.พ. 2566

เรียน ความคิดเห็นที่ ๓ ครับ

ไม่ได้ล่วงศีลข้อ ๔ เพราะไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวให้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แต่ก็พูดไปด้วยความไม่พอใจ ซึ่งก็ไม่พ้นจากอกุศลเลย อกุศล เกิดบ่อยมากจริงๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 11 มี.ค. 2566

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ