เรื่องของกรรม และการรับผลของกรรม - พระองคุลิมาน

 
สารธรรม
วันที่  6 ก.ย. 2565
หมายเลข  43671
อ่าน  211

ถ. ............

สุ. พระองคุลิมาน ก็ถูกเบียดเบียนมากไหมคะ เวลาที่ท่านไปบิณฑบาต

ถ. ...........

สุ. เวลาที่กระทบกาย แล้วก็บาดเจ็บ แล้วเวลาที่ถูกกล่าวตู่ อันไหนจะร้ายแรง กว่ากันคะ

ถ. ...........

สุ. เรื่องของกรรม และการรับผลของกรรม ดูทุกท่านอยากให้เป็นไปตามใจของท่าน ไม่ใช่ให้เป็นไปตามกรรม นี่ค่ะก็เป็นปัญหาที่ว่า ทำไมคนนี้ทำกรรมตั้งเยอะแยะมากมาย แล้วผลของ กรรมทำไมไม่สนองมากมายเช่นเดียวกัน ทำไมถึงอยากให้คนอื่นเขาได้รับทุกข์มากถึงอย่างนั้นนะคะ ควรมีจิตเมตตา กรุณาอนุเคราะห์ อย่าไปหวังต้องให้เขาได้รับตอบแทนให้พอใจกับกรรมที่เขาทำไป

ถ. ..........

สุ. อันนั้นให้ผลตามกาละด้วย เมื่อยังไม่ถึงกาลที่จะให้ผล ใครจะไปเร่งรัดว่าขอให้ผลวันนี้ พรุ่งนี้ เดี๋ยวนี้ ก็เร่งรัดไม่ได้ และผู้ที่จะรู้ว่ากรรมใดจะให้ผล หรือว่าขณะนี้เป็นผลของกรรมใด ไม่ใช่ผู้อื่นนอกจากพระผู้มีพระภาค เพราะฉะนั้น พระองค์จึงได้ทรงแสดงอดีตกรรมแม้ของพระองค์ได้ ถ้าพระองคุลิมานไม่ปรินิพพาน ก็คงจะได้มีวิบากกรรมที่จะทำให้ผู้อื่นหายสงสัย แต่ว่าควรจะสงสารมากกว่าอยากให้พระองคุลิมานได้รับกรรมให้เพียงพอ อีกประการหนึ่งเท่าที่ได้ฟัง รู้สึกว่าหลายท่านต้องการรับผลของกรรมใน ปัจจุบันชาติ ทำดีอยากได้ดีชาตินี้ ไม่คอยไว้ชาติหน้าหรือ

. ช้าไป

สุ. ชาติหน้าคอยไหวไหมคะ

ถ. ช้าไป ชาติหน้าจะได้รับผลหรือไม่ ก็ยังไม่รู้

สุ. ยังไม่รู้กลัวไม่ได้ใช่ไหม กลัวว่าทำไปแล้วจะไม่ได้ นี่อาจจะเป็นเหตุหนึ่ง ที่ทำให้โดยมากท่านที่ทำกรรมดี ต้องการได้รับผลของกรรมดีชาตินี้ ทำกุศลในชาตินี้ และด้วยผลของบุญกุศลที่ทำในชาตินี้ ชาติหน้าเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตบ้าง ดาวดึงส์บ้าง ยามาบ้าง หรือว่าอาจจะถึงนิมมานรดี ปรนิมิตวสวดี ดีกว่าโลก มนุษย์นี้ไหม ชาตินี้ก็ปลอดภัยแล้วอยู่ในโลกมนุษย์ มีทางที่จะเจริญกุศลก็เจริญกุศลให้มากๆ ไม่ต้องคอยไปหวังว่า กรรมที่ทำไปแล้วอยากจะให้ได้รับผลในชาตินี้ กรรมนั้นให้ผลแน่

ถ. ...........

สุ. โดยมากเรื่องของธรรมนี้ บางท่านลืมค่ะ เป็นเรื่องของบุคคล แทนเรื่องของธรรม ซึ่งนี้ไม่ถูก ที่ทำให้เกิดความเข้าใจไขว้เขวอย่างนี้ ก็เป็นเพราะว่า ถ้าจะดูทั่วไปแล้ว เวลานี้ก็เป็นความสนใจในบุคคล มากกว่าความสนใจในธรรม ฉะนั้นผู้ที่ต้องการเข้าใจในธรรมจริงๆ ก็มีโอกาสที่จะเลือกเฟ้นธรรมสาระจากใครก็ได้ที่พูด โดยไม่คำนึงถึงว่าบุคคลนั้นเป็นใคร และพร้อมกันนั้นก็ต้องตรวจสอบเหตุผลกับพระธรรมวินัยด้วย เพราะว่า ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดสามารถจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้ละเอียดละออยิ่งกว่าพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้แล้วอย่างครบถ้วน ฉะนั้น เรื่องของเหตุการณ์สถานที่ต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่ว่า เมื่อสิ่งใดที่ไม่เหมาะไม่ควร ก็ไม่ควรที่จะยึดถือหรือว่าสนใจเป็นแบบอย่าง แต่ก็ควรที่จะได้เลือกเฟ้นสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้มากขึ้นต่อไปอีก และก็ละทิ้งสิ่งที่ไม่เป็นสาระนั้น เพราะว่าเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ซึ่งใครก็แก้ไขใครไม่ได้ มีใครคิดอยากจะเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้างไหมคะ แทนที่จะเป็นบุคคลนั้นบุคคลนี้ คิดถึงพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ววิธีก็มีค่ะ พระ ธรรมวินัยก็ยังมีครบถ้วน ถ้าอยากจะฟังธรรมจากพระโอษฐ์ก็เปิดพระไตรปิฏก


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 13


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ