ความเข้าใจนั้นมีหลายขั้น ปัญญาสมบรูณ์ขึ้นเป็นลำดับขั้น
ถ. ...........
สุ. ฉะนั้น การที่จะศึกษาพระธรรมวินัย การที่จะฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้ ยิ่งมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นประโยชน์และอนุเคราะห์ความเข้าใจให้ถูกต้องมากขึ้น สำหรับในตอนนี้มีท่านผู้ใดสงสัยไหมคะ
ถ. ............
สุ. ค่ะ เพราะความเข้าใจนั้นมีหลายขั้น คือว่า อันนี้ก็เป็นสิ่งที่มักจะเกิดเสมอ สำหรับการฟัง ความเข้าใจก็รู้สึกว่าแจ่มแจ้ง แต่พอถึงเวลาจริงๆ สติเกิดขึ้นเมื่อไร มีลักษณะอย่างไร รู้สึกว่าออกจะยาก สิ่งที่อยู่ใกล้และเป็นธรรมดาเป็นธรรม ชาติเป็นปกติที่สุด แม้ผู้เจริญสติพยายามที่จะทำวิปัสสนา ก็เลยวุ่นวายเป็นการใหญ่ นี่คือจุดที่สำคัญ พยายามที่จะรู้นามรูปอื่น พยายามที่จะบังคับ แทนที่จะพยายามเป็นปกติธรรมดา ไม่ว่าชีวิตตามปกติธรรมดานั้นจะเป็นอย่างไร ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็จะเข้าใจเรื่องของปัญญาที่สมบรูณ์ขึ้นเป็นลำดับขั้น ไม่ข้ามขั้น
ปัญญาขั้นที่ ๑ นามรูปปริจเฉทญาณ ยังไม่เกิดขึ้น เพราะว่าการพิจารณา รู้ลักษณะของนามและรูปที่ต่างกันยังไม่สมบรูณ์ แต่ผู้เจริญสติพากเพียรที่จะไป รู้ทุกข์ พากเพียรที่จะไปละ แต่ไม่พากเพียรที่ว่ากำลังได้ยินปกติธรรมดาอย่างนี้ ไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ตรงตามสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ทีนี้ผู้ที่เจริญสติปัฏฐานเพราะขาดความเข้าใจ ว่าจะต้องเป็นปกติธรรมดา ธรรมชาติ เพราะว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เป็นนามเป็นรูปทั้งนั้นเลยแต่ละคนนี้ แล้วก็เหมือนกันไม่ได้ เพราะอะไร เพราะเหตุปัจจัยที่สะสมกันมานั้นต่างกัน ผู้ที่จะเป็นพระอริยสาวกได้นั้น ต้องเป็นผู้ตรง ซึ่งถ้าไม่ได้ศึกษาก็จะไม่รู้ว่า พระสัพพัญญูตญาณนั้นทรงแสดงลักษณะประเภทของจิตมากมายแตกต่างกันประการใดบ้าง อย่างบางท่านเวลาฟังเรื่องจิต เจตสิก ก็มาพิจารณากับตัวเอง เป็นตัวเองทั้งนั้นเลย ไม่ผิดใช่ไหมคะ จิตเห็นก็มี จิตได้ยินก็มี โลภะก็มี โทสะก็มี มานะอิสสา มัจฉริยะ หรือเมตตากรุณา ก็แล้วแต่ว่าใครจะมีมากมีน้อย นั่นก็เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่ถ้ายิ่งอ่านในพระธรรมวินัยมาก เรื่องของความตรง พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้มากทีเดียว
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...