เจริญสติปัฏฐานอย่างไร ถึงจะมีสติรู้นามและรูปติดต่อกัน

 
สารธรรม
วันที่  8 ก.ย. 2565
หมายเลข  43766
อ่าน  302

ถ. ในการเจริญสติปัฏฐานนั้น ควรจะเจริญอย่างไร ถึงจะมีสติรู้ลักษณะของนามและรูปติดต่อกันไปเรื่อยๆ

สุ. ต้องการสติมากอย่างนั้นเชียวหรือ ไม่อยากหลงลืมสติเลยแต่ต้องทราบความจริงว่า ผู้ที่ไม่หลงลืมสติเลย มีสติในขณะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส คิดนึกตลอดเวลาต้องเป็นพระอรหันต์ ถ้าได้ศึกษาพระธรรมที่ทรงแสดงไว้โดยละเอียด จะเห็นว่า สำหรับปุถุชนที่หลงลืมสตินั้น เวลาที่เห็นเกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็เป็นโลภะบ้าง เป็นโทสะบ้าง เป็นโมหะบ้าง ในขณะใดที่กุศลเกิด เป็นไปในทาน เป็นไปในศีล เป็นไปในภาวนา จิตในขณะนั้นไม่เป็นโลภะ ไม่เป็นโทสะ ไม่เป็นโมหะ ผู้ไม่หลงลืมสติเลยนั้น เป็นพระอรหันต์ ซึ่งได้เคยเจริญสติมาแล้วตั้งแต่เป็นปุถุชน เจริญสติปัญญาเพิ่มขึ้นรู้ลักษณะของนามและรูปตามลำดับขั้น จนกระทั่งรู้แจ้งอริยสัจเป็นพระอริยบุคคลตามลำดับ ตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี เป็นพระอรหันต์เมื่อใด เมื่อนั้นเวลาเห็นก็มีสติ เวลาได้ยินก็มีสติ เวลาได้กลิ่นก็มีสติ รู้รสก็มีสติ คิดนึก สัมผัส ถูกต้องก็มีสติตลอดเวลาได้

เพราะฉะนั้น เราต้องการอะไร ต้องการผลอย่างไร เมื่อทราบแล้วว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พระอรหันต์เท่านั้นที่มีสติติดต่อกันตลอดเวลา สำหรับปุถุชนแม้แต่จะเพียงวันเดียว ชั่วโมงเดียวก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าการที่จะสมบูรณ์ด้วยสติอย่างนั้น ต้องเริ่มมาจากการเจริญสติทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งเป็นพระอริยะแล้วยังเจริญอีก ปัญญาสมบูรณ์เพิ่มขึ้น แล้วเมื่อปัญญาสมบูรณ์มากขึ้น ดับกิเลสได้หมดสิ้นแล้ว ไม่มีเชื้อของกิเลสใดๆ เลย เมื่อเห็นจึงมีสติได้ เมื่อได้ยินจึงมีสติได้ ตลอดติดต่อกันอย่างนั้นได้ เพราะเหตุว่าไม่มีกิเลส เพราะฉะนั้น ก็ต้องเข้าใจเหตุผลด้วย อย่าไปพากเพียรทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 46


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ