ลาภปลิโพธ ติดข้องในลาภ หรือในปัจจัยที่คนเอามาถวาย
สำหรับลาภปลิโพธนั้น แสดงไว้ว่า
ปัจจัย ชื่อว่า ลาภ สำหรับฆราวาสนั้นก็จะต้องมีปัจจัย ซึ่งจำเป็นต้องใช้อยู่ตามปกติในชีวิตประจำวัน แล้วก็แสวงหาปัจจัย สำหรับฆราวาสที่จะให้ชีวิตดำเนินเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น บางท่านก็คิดว่า การงาน ธุรกิจต่างๆ การประกอบอาชีพนั้นจะเป็นปลิโพธ ซึ่งความจริงแล้ว สำหรับปลิโพธ ๑๐ ประการนั้น ปลิโพธ ๙ ประการ เป็นเครื่องขัดขวางการเจริญสมถะ แต่ไม่เป็นเครื่องขัดขวางการเจริญวิปัสสนา ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด มีจิตประเภทใดเกิดขึ้น ก็เป็นของจริงที่ทำให้สติระลึกรู้สภาพนั้นตามความจริงได้ เพราะเหตุว่าถ้าท่านคิดว่า ชีวิตของฆราวาสนั้นการประกอบอาชีพเป็นเครื่องขัดขวาง เพราะเหตุว่าท่านจะต้องแสวงหาปัจจัยแล้ว ถึงท่านจะละอาคารบ้านเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต ก็ไม่ใช่ว่าท่านจะไม่อาศัยปัจจัย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะต้องมีการเสพปัจจัย มีการใช้ปัจจัย แต่การแสวงหาของฆราวาสกับบรรพชิตนั้นไม่เหมือนกัน
สำหรับภิกษุ ปัจจัยจะเป็นปลิโพธแก่ท่านได้อย่างไร นี่ก็เป็นสิ่งที่น่าคิด เพราะเหตุว่าท่านก็ได้ละอาคารบ้านเรือน ละปัจจัยในลักษณะของฆราวาสไปหมดสิ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนุ่งห่ม อาหาร แต่ผู้ใดก็ตามที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ย่อมมีปลิโพธเครื่องกังวล
สำหรับเครื่องกังวลของภิกษุที่เป็นลาภปลิโพธนั้น ก็คือความที่ท่านมีใจติดข้องในลาภ หรือในปัจจัยที่คนทั้งหลายเอามาถวาย เมื่อมีคนเอาปัจจัยมาถวายแล้ว ท่านก็มีกิจที่จะต้องอนุโมทนาบ้าง แสดงธรรมบ้าง ถ้าเป็นภิกษุที่มีชื่อเสียงก็ยิ่งมีผู้คนที่ต้องการจะติดต่อพบปะ ตั้งแต่อรุณขึ้นจนกระทั่งถึงปฐมยาม ท่านก็มีการเกี่ยวข้องกับคนไม่ขาดสาย หรือว่าบางทีบุคคลก็มาบอกว่า อุบาสกผู้นั้น อุบาสิกาผู้นั้น อำมาตย์ผู้นั้น บุตรอำมาตย์ผู้นั้น ธิดาอำมาตย์ผู้นั้นใคร่ที่จะเห็น ใคร่ที่จะพบ ใคร่ที่จะได้ฟังธรรม ซึ่งท่านก็เป็นผู้ที่มีจิตอนุเคราะห์ เมื่อเห็นว่า บุคคลเหล่านั้นมีจิตเป็นกุศล ต้องการความอนุเคราะห์ ท่านก็ย่อมจะขัดไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็มีการเกี่ยวข้องในลาภหรือปัจจัย โดยที่ถึงแม้ว่าท่านเองจะเป็นผู้ที่ไม่ติดไม่ข้องในลาภในปัจจัยก็จริง แต่ถึงกระนั้นบุคคลอื่นก็ย่อมต้องการที่จะได้พบปะ หรือได้ฟังธรรม ต้องการจะถวายวัตถุปัจจัยต่างๆ ทั้งๆ ที่ท่านเหล่านั้นเอง ก็อาจจะเป็นผู้ที่ไม่ติดในลาภ แต่ความมีจิตอนุเคราะห์ก็อาจจะทำให้ท่านต้องใช้เวลาติดต่อเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น
สำหรับการเจริญสติปัฏฐานแล้ว ไม่เป็นเครื่องขัดขวาง เพราะเหตุว่าเป็นชีวิตจริง ของผู้นั้น ผู้นั้นก็ย่อมสามารถที่จะเจริญสติรู้ลักษณะของนามและรูปเพิ่มขึ้นมากขึ้นได้ แต่ถ้าต้องการเจริญสมาธิ ต้องการที่จะเจริญฌานแล้ว ภิกษุเช่นนั้นก็จะต้องจาริกไปผู้เดียวในถิ่นที่ไม่มีใครรู้จัก เพราะเหตุว่าถ้าไปในถิ่นที่มีผู้รู้จัก ก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกังวลกับบุคคลอื่น แล้วไม่สามารถที่จะเจริญสมาธิ ให้ถึงความสงบขั้นอุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิได้
ด้วยเหตุนี้ท่านจึงควรได้ทราบว่า ไม่ว่าจะเป็นลาภปลิโพธ ความกังวลในปัจจัย ในลาภนั้นเป็นเครื่องขัดขวางเฉพาะภิกษุที่จะเจริญสมาธิเท่านั้น ไม่เป็นเครื่องขัดขวางสำหรับการเจริญสติปัฏฐาน
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง ...
ลาภปลิโพธ ไม่เป็นเครื่องกั้นของการเจริญสติปัฏฐาน
ลาภปลิโพธ จะละได้ ก็ต้องรู้ว่าสิ่งนั้น ไม่เที่ยง เกิดแล้วก็ดับไป
ลาภปลิโพธใน มหากัจจายนเถรคาถา อุปการะแก่ความเข้าใจ
ภิกษุที่ท่านไม่ติดในลาภ ไม่มีลาภปลิโพธ - ท่านพระมหกะ