ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้น
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค อุปัฑฒสูตร มีข้อความว่า
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิคมของชาวสักยะ ชื่อสักกระ ในแคว้นสักกะของชาวศากยะทั้งหลาย ครั้งนั้นท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดีนี้ เป็นกึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์เทียวนะ พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร อานนท์ เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น ก็ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี นี้เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นทีเดียว
ดูกร อานนท์ อันภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี พึงหวังได้ว่าจักเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘
แล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสต่อไปถึงเรื่องของอริยมรรคมีองค์ ๘ และตรัสต่อไปว่า
ดูกร อานนท์ ข้อว่าความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นทีเดียวนั้น พึงทราบโดยปริยายแม้นี้ ด้วยว่าเหล่าสัตว์ผู้มีชาติเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากชาติ ผู้มีชราเป็นธรรมดาย่อมพ้นไปจากชรา ผู้มีมรณะเป็นธรรมดาย่อมพ้นไปจากมรณะ ผู้มีโสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส และอุปายาสะ เป็นธรรมดาย่อมพ้นไปจากโสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส และอุปายาสะ เพราะอาศัยเราผู้เป็นกัลยาณมิตร
ดูกร อานนท์ ข้อว่า ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นทีเดียวนั้น พึงทราบโดยปริยายนี้แล
จะเห็นได้ถึงความสำคัญของการฟังธรรม เพราะถ้ามีผู้ที่ได้ทรงพร่ำสอนอย่างพระผู้มีพระภาคโดยละเอียด ก็เป็นกัลยาณมิตร เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะประพฤติปฏิบัติตามหนทางสายเอกที่จะนำให้ถึงความสิ้นทุกข์ทั้งปวงได้ หนทางนั้นไม่ใช่หนทางง่ายๆ และก็ไม่ใช่หนทางหยาบๆ แต่ว่าเป็นหนทางละเอียดที่สุขุม ที่จะต้องประพฤติปฏิบัติด้วยความเข้าใจ ตั้งแต่เบื้องต้นที่เกิดจากขั้นของการฟัง ถ้าความเข้าใจที่เกิดจากขั้นการฟังไม่มี ไม่ถูก ความเข้าใจที่เกิดจากขั้นการฟังไม่มี ความเข้าใจที่เกิดจากขั้นการฟังไม่ถูกแล้ว ก็ไม่มีหนทางพ้นจากชาติ ชรา พยาธิ โสกะ มรณะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะได้เลย
ข้อความใน สารีปุตตสูตร (สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค) ซึ่งท่านพระสารีบุตรได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี นี้เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นเทียวนะ พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ถูกละ ถูกละ สารีบุตร ความเป็นผู้มิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี นี้เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้น
ดูกร สารีบุตร ภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘
ท่านพระอานนท์กับท่านพระสารีบุตรความเห็นไม่เหมือนกัน คือ ท่านพระอานนท์มีความเห็นว่า การมีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดีเป็นกึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์ แต่ท่านพระสารีบุตรกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า การเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดีนั้นเป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้น ซึ่งท่านพระสารีบุตรพระผู้มีพระภาคอนุโมทนาว่า ถูกละ ถูกละ สารีบุตร แต่ท่านพระอานนท์พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น
พระสูตรทั้งหลายท่านพระอานนท์ก็ได้กล่าวข้อความตอนสังคายนาว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ให้เห็นความเป็นผู้ที่หมดจดจากกิเลส ท่านเคยสดับมาอย่างไร ท่านเคยกราบทูลว่าอย่างไร บุคคลอื่นกราบทูลว่าอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ในครั้งอดีตแต่ละครั้งแต่ละบุคคลว่า มีความคิดความเห็นอย่างไรบ้าง ถึงแม้ท่านจะได้เป็นผู้ที่ได้กล่าวสังคายนาพระสูตรเอง ท่านก็ไม่ได้เข้าข้างตัวท่านเองว่าท่านจะต้องถูกทุกครั้ง แต่ว่าสิ่งใดที่เป็นพระธรรมที่ละเอียดที่สุขุม และพระผู้มีพระภาคตรัสกับท่านอย่างไร ท่านก็ได้กล่าวแสดงไว้โดยละเอียด
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...