สอบถามเรื่องรูปและเวทนาค่ะ
กราบเรียนทีมงานที่เคารพค่ะ
ดิฉันทำสมาธิเมื่อ ๒-๓ วันที่แล้ว มีสภาวธรรมเกิดขึ้น รบกวนขอคำแนะนำค่ะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วไปบวชเนกขัมมะ ตั้งใจไว้ ๗ วัน พอวันแรกได้นอน ๒ ชม.ก็ไม่รู้สึกอะไร
พอคืนที่ ๒ มีฟังธรรมตลอดรุ่งเช้าเนื่องจากตรงกับวันพระ ก็คิดว่าไหวพอถึงช่วงตี ๑- ตี ๔ รู้สึกว่าทุกข์มากเพราะง่วงและปวดไปทั้งตัว แต่พยายามกำหนดรู้บ้างไม่รู้บ้าง ยิ่งเมื่อมันทุกข์มากขึ้นๆ สติในการระลึกรู้ยิ่งหายไปเรื่อยๆ ไม่เคยคิดว่าจะเจอทุกข์ได้ขนาดนี้ พยายามประคองไปจนทำวัตรเช้าเสร็จตอน ๖ โมงเช้า ก็มีตัวความคิดคิดว่า ถ้าอยู่ต่อต้องตายแน่ๆ เพราะมันไม่สามารถกำหนดรู้อะไรได้อีกแล้ว จึงได้ลาสึกตอนเช้านั้นเลย กลับมาบ้านได้นอนจนอิ่มพอตื่นมาก็สำนึกว่า เราได้ทิ้งโอกาสในการเห็นสภาวะทุกข์ที่ชัดเจนที่สุดไปแล้ว น่าเสียดายจึงกลับไปที่วัดใหม่ ก็สวดมนต์ทำวัตรเย็นเสร็จ ในขณะที่นั่งสมาธิสักพักก็กำหนดดูรูปตัวเราที่กำลังนั่ง ก็เห็นเป็นรูปนั่งชัดเจน แต่ภายในกายมันเป็นโพรงว่างๆ เหมือนเราอยู่ในถ้ำ เมื่อหายใจเข้าพุทธ-หายใจออกโธ ก็เห็นเป็นอากาศ เป็นลำเป็นสายวิ่งเข้ามาในโพรงของกายพุ่งเข้า พุ่งออกตามอาการหายใจ เหมือนน้ำที่พุ่งออกมาจากสายยาง ความรู้สึกว่ามันไม่ใช่กายของเราเลยเหมือนยืนดูน้ำที่พุ่งเข้ามาในโอ่งเฉยๆ สักพักก็คิดบอกตัวเองว่านี่ไงรูป อ๋อแบบนี้เอง (ตรงนี้น่าจะเป็นความคิด) แล้วมันก็หายไป ต่อมามีเวทนาคือปวดหลัง เอว คอ ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าเริ่มทนไม่ได้ กำลังอยู่ในช่วงจะเดินหน้าต่อหรือถอยหลังดี ก็คิดขึ้นมาว่า ครูบาอาจารย์ของเราทุกๆ ท่านก็เคยผ่านเวทนาแบบนี้มาทุกคนแล้ว ตอนเราสวดมนต์เราก็บอกว่าเราผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตามแล้วเราจะถอยหลังไปอย่างนั้นหรือ จึงกำหนดดูลงไปตรงจุดที่เกิดเวทนาตรงๆ เลย ก็เห็นว่ามันตุบๆ ๆ หนักแล้วก็เบาสลับไปมาเรื่อยๆ สักพักก็เห็นตัวที่รู้ที่ดูอยู่มันแยกออกมาจากจุดที่ปวด มันกลายเป็นคนละส่วนกันเหมือนเราดูอยู่ห่างๆ แต่ยังดูจุดที่ปวดอยู่เห็นว่า ยังปวดอยู่เหมือนเดิม แต่ความทุกข์ที่รู้สึกเดิมว่าจะทนไม่ได้มันหายไปมันเป็นความปวดที่ไม่กระวนกระวาย แปลกมากเลยค่ะ ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ก็บอกตัวเองว่า อ๋อเวทนาเป็นแบบนี้เอง (เป็นความคิดอีกแล้ว) กำลังจะดูต่อให้เห็นขณะที่เวทนาดับว่ามันจะมีลักษณะอย่างไร แต่เวลาหมดก่อนค่ะ (ใช้เวลาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มประมาณ ๑ ชม.) เลยยังไม่เห็นเวทนาดับ รบกวนขอคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ แล้วที่เห็นนี่ใช่ลักษณะของรูปและเวทนาที่ถูกหรือไม่อย่างไรคะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ภิญญดา
ควรทราบความจริงว่า ลักษณะของ รูป เวทนา สังขาร วิญญาณ มีปรากฏอยู่ตลอดเวลา ขาดเพียงปัญญาที่จะรู้เท่านั้น ดังนั้นจึงค่อยๆ ศึกษาให้เข้าใจ ตามความเป็นจริงว่า เป็นเพียงนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น สรุป คือ ไม่ต้องไปนั่งนานๆ ให้เกิดความทุกข์อย่างนั้น เพราะเวทนามีปรากฏอยู่แล้ว ส่วนรูปประเภทต่างๆ ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ก็มีอยู่ตลอด
ต้องอาศํยการฟังธรรมให้เข้าใจก่อน จนมีความมั่นคงสภาพธรรมทั้งหมดไม่ใช่ตัวตน ไม่มีเรา เพราะถ้าไม่เข้าใจธรรม ก็เป็นเราที่จะทำเป็นตัวตน เริ่มต้นอยากแนะนำให้ฟังรายการแนวทางเจริญสติปัฏฐานบรรยายโดย ท่านอาจารย์สุจิตน์ บริหารวนเขตต์ ขอยกตัวอย่างจากพระไตรปิฏกค่ะ
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 77
รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง รูปไม่ใช่ตัว เวทนาไม่ใช่ตัว สัญญาไม่ใช่ตัว สังขารทั้งหลายไม่ใช่ตัว วิญญาณไม่ใช่ตัว สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัว ดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแนะนำสั่งสอนสาวกทั้งหลายอย่างนี้ แลคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่เป็นไปมากในสาวกทั้งหลายมีส่วนอย่างนี้แล.
ฟังธรรม เข้าใจธรรม ก็จะรู้ได้ว่าธรรมนั้นไม่ต้องแสวงหา เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยทำให้เกิดสังขาร ขออนุโมทนาค่ะ
มีแต่ความทุกข์ ความไม่รู้ และความอยากรู้ ... กิเลสทั้งนั้นเลย กุศลก็ไม่เพิ่มขึ้น อกุศลก็ไม่ลดลง ... ทำตัวเองให้ลำบากเปล่าๆ
กราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านค่ะที่ช่วยชี้แนะ จะพยายามฟังธรรมให้มากขึ้นค่ะ จะได้มีความเข้าใจมากกว่านี้ ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยฟังธรรม จากเว็ปนี้ครับ จะทำให้เข้าใจขึ้น คงไม่ลืมในวันอาสาฬบูชานี้ ในธรรมจักรกัปปวัตนสูตร คือ เว้นทางสุดโต่ง สองอย่าง คือ การทำตนให้เดือดร้อน และกามสุข ลองพิจารณาว่า ทำตนให้เดือดร้อนและปัญญารู้อะไรหรือเปล่า หรือเพิ่มความสงสัย
ขออนุโมทนาครับ ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
อย่าสงสัยค่ะ ... เพราะนั่นคือจิต ไม่มีตัวตน แต่ขอให้รู้เท่าทันในสภาพธัมมะที่เกิดขึ้นในขณะนั้น นั่นคือปัญญา
มีเพื่อนบอกว่า ไปทำแล้วไม่รู้อะไร แล้วทำไปทำไม เข้าเวปนี้แล้วได้คำตอบ