พระผู้มีพระภาคทรงสรงน้ำภิกษุผู้อาพาธโรคท้องร่วง

 
สารธรรม
วันที่  13 ก.ย. 2565
หมายเลข  43819
อ่าน  315

(ญาติปลิโพธ)

สำหรับข้อความที่จะกล่าวให้เห็นถึงความเป็นญาติในธรรมวินัย ถึงแม้ว่าเป็นบรรพชิตแล้วก็ยังมีกิจที่จะต้องกระทำต่อกัน

พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๒ เรื่องพระอาพาธโรคท้องร่วง มีข้อความว่า

ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธเป็นโรคท้องร่วง นอนจมกองมูตรกองคูถของตนอยู่ ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคมีท่านพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ เสด็จพระพุทธดำเนินไปตามเสนาสนะ ได้เสด็จเข้าไปทางที่อยู่ของภิกษุรูปนั้น ได้ทอดพระเนตรเห็นภิกษุรูปนั้น นอนจมกองมูตรกองคูถของตนอยู่ ครั้นแล้วเสด็จเข้าไปใกล้ภิกษุรูปนั้น แล้วตรัสถามว่า

เธออาพาธเป็นโรคอะไร ภิกษุ

ภิกษุนั้นกราบทูลว่า

ข้าพระพุทธเจ้าอาพาธเป็นโรคท้องร่วงพระพุทธเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า

เธอมีผู้พยาบาลไหมเล่าภิกษุ

ภิกษุรูปนั้นกราบทูลว่า

ไม่มีพระพุทธเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

เพราะเหตุไร ภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลเธอ

ภิกษุรูปนั้นกราบทูลว่า

เพราะข้าพระพุทธเจ้ามิได้ทำอุปการะแก่ภิกษุทั้งหลาย ฉะนั้น ภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลข้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคจึงรับสั่งกับท่านพระอานนท์ว่า

อานนท์ เธอไปตักน้ำมา เราจะสรงน้ำภิกษุรูปนี้

ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระพุทธบัญชาว่า

เป็นดังนั้นพระพุทธเจ้าข้า

ดังนี้แล้ว ตักน้ำมาถวาย

พระผู้มีพระภาคทรงรดน้ำ ท่านพระอานนท์ขัดสี พระผู้มีพระภาคทรงยกศีรษะ ท่านพระอานนท์ยกเท้า แล้ววางบนเตียง

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า

ในวิหารหลังโน้น มีภิกษุอาพาธหรือ ภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า

มีพระพุทธเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ภิกษุรูปนั้นอาพาธเป็นโรคอะไร ภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า

ท่านรูปนั้นอาพาธเป็นโรคท้องร่วง พระพุทธเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ภิกษุรูปนั้นมีผู้พยาบาลไหมเล่า ภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า

ไม่มีพระพุทธเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

เพราะเหตุไร ภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลเธอ

ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า

เพราะท่านรูปนั้นมิได้ทำอุปการะแก่ภิกษุทั้งหลาย ฉะนั้น ภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลท่านรูปนั้น พระพุทธเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไม่มีมารดา ไม่มีบิดา ผู้ใดเล่าจะพึงพยาบาลพวกเธอ ถ้าพวกเธอจะไม่พยาบาลกันเอง ใครเล่าจักพยาบาล

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเรา ผู้นั้นพึงพยาบาลภิกษุอาพาธ ถ้ามีอุปัชฌายะ อุปัชฌายะพึงพยาบาลจนตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะหาย ถ้ามีอาจารย์ อาจารย์พึงพยาบาลจนตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะหาย ถ้ามีสัทธิวิหาริก สิทธิวิหาริกพึงพยาบาลจนตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะหาย ถ้ามีอันเตวาสิก อันเตวาสิกพึงพยาบาลจนตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะหาย ถ้ามีภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะ ภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะพึงพยาบาลจนตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะหาย ถ้ามีภิกษุผู้ร่วมอาจารย์ ภิกษุผู้ร่วมอาจารย์พึงพยาบาลจนตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะหาย ถ้าไม่มีอุปัชฌายะ อาจารย์ สัทธิวิหาริก อันเตวาสิก ภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะ หรือภิกษุผู้ร่วมอาจารย์ สงฆ์ต้องพยาบาล ถ้าไม่พยาบาล ต้องอาบัติทุกกฏ

เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่า แม้เป็นอุปัชฌายะ หรือแม้เป็นอาจารย์ หรือแม้เป็นสัทธิวิหาริก หรือแม้เป็นอันเตวาสิก หรือแม้เป็นภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะ หรือแม้เป็นภิกษุผู้ร่วมอาจารย์ ก็พึงพยาบาลจนตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะหาย

เจริญสติปัฏฐานได้ไหม ในขณะที่กำลังพยาบาล นี่เป็นกิจในพระวินัยที่ให้กระทำ มิใช่ว่าให้งดเว้น ถ้าไม่กระทำเป็นอาบัติทุกกฏ และในระหว่างนั้น ในขณะที่พยาบาลจะเป็นตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะหายก็ตาม เจริญสติปัฏฐานได้ไหม ไม่ว่าจะเป็นในขณะใดก็ตาม จะเป็นการสงเคราะห์ญาติ จะเป็นการพยาบาลบุคคลผู้ป่วย หรือว่าไม่ว่าจะเป็นขณะใดทั้งสิ้น ถ้าสติสามารถที่จะระลึกรู้สภาพลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏ ก็เป็นการเจริญปัญญาเพื่อให้รู้แจ้งชัดในสภาพของสิ่งที่ปรากฏนั้นได้

มีข้อความหนึ่งที่พระผู้มีพระภาครับสั่งกับท่านพระอานนท์ว่า อานนท์ เธอไปตักน้ำมา เราจะสรงน้ำภิกษุรูปนี้

แม้พระผู้มีพระภาคก็ทรงกระทำกิจ คือ สรงน้ำภิกษุผู้อาพาธ คงจะมีหลายท่านรู้สึกว่า การสรงน้ำพระคงจะได้บุญได้กุศลมากทีเดียว ก็คงจะเป็นธรรมเนียมของการสรงน้ำพระในวันปีใหม่บ้าง หรือว่าในโอกาสที่ท่านคิดว่า ท่านต้องการบำเพ็ญบุญกุศล แต่พระที่ท่านนิมนต์ไปท่านก็สบายดี ไม่ได้อาพาธอะไร และการไปสรงก็ไปสรงเพื่อเป็นบุญเป็นกุศลของตัวท่านที่ต้องการบุญกุศลในขณะนั้น แต่ท่านไม่คิดถึงพระภิกษุผู้อาพาธซึ่งต้องการผู้ปฏิบัติ ผู้พยาบาล และการสรงน้ำให้แก่ภิกษุผู้ที่อาพาธนั้นก็เป็นบุญกุศลจริงๆ เป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง ที่ทำความสะดวกสบายให้แก่ผู้ที่กำลังได้รับทุกขเวทนาอาพาธเพราะความไข้

ถ้าจะสรงน้ำ หรือจะปฏิบัติ หรืออุปัฏฐากพระภิกษุที่กำลังอาพาธ เพื่อให้ความสะดวกสบายอย่างนั้น ก็พร้อมทั้งเหตุผล

ไม่ใช่ท่านต้องการบุญกุศล ท่านก็นิมนต์พระที่สบายดีทุกประการ แล้วมาสรงน้ำเป็นธรรมเนียมให้ท่านเปียก เพื่อที่ท่านจะได้บุญกุศล

แต่บุญกุศลที่ท่านจะได้ในฐานะของพุทธศาสนิกชน ก็มีโอกาสเจริญกุศลได้หลายประการ รวมทั้งการปฏิบัติแก่ภิกษุผู้อาพาธด้วย


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา 59


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ