ถึงแม้จะได้ ทั้งรูปฌาน หรืออรูปฌาน ไม่สามารถละคลายตัวตนได้

 
สารธรรม
วันที่  14 ก.ย. 2565
หมายเลข  43844
อ่าน  286

. สำหรับท่านที่เจริญสมถภาวนามาก่อนจนกระทั่งฌานจิตเกิด แล้วก็พิจารณาฌานจิต โดยที่ไม่รู้ลักษณะของนามและรูปทางปัญจทวารเลย จะละการยึดถือนามรูปว่าเป็นตัวตนได้อย่างไร

สุ. ผู้ที่ไม่ได้เจริญสติ ถึงแม้ว่าจะได้ปัญจมฌาน ทั้งรูปฌาน หรืออรูปฌานก็ตาม ไม่สามารถที่จะละคลายการยึดถือนามรูปว่าเป็นตัวตนได้ เพราะฉะนั้น ในครั้งอดีตมีมากท่านทีเดียวที่เจริญฌานได้รูปฌาน อรูปฌานอย่างสูงที่สุดแล้ว แต่ไม่บรรลุมรรคผล

ท่านผู้ฟังบอกว่า บุคคลนี้เอาฌานมาเป็นบาทพิจารณาจนบรรลุมรรคผล บุคคลนี้คือผู้ที่เจริญสติปัฏฐานเนืองๆ ไม่ใช่ว่าเจริญสมาธิได้ฌานสมาบัติแล้วไม่เจริญสติปัฏฐาน แล้วสามารถที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ เพราะเหตุว่าหลายท่านที่เจริญฌาน ได้ฌานแล้ว ท่านยังต้องมีวสี มีความแคล่วคล่องในการที่จะให้ฌานจิตเกิด เพราะถ้าไม่มีความแคล่วคล่องในการที่จะให้ฌานจิตเกิดแล้ว จิตของท่านไม่เป็นฌานอย่างรวดเร็ว เมื่อจิตของท่านไม่เป็นฌานอย่างรวดเร็ว ที่จะให้สติตามรู้ว่า แม้ขณะนั้นก็เป็นนามชนิดหนึ่งก็ไม่ได้ เพราะเหตุว่าผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน ปัญญาจะต้องไวขึ้น คมกล้าขึ้น ไม่ว่านามชนิดใดเกิดกับท่าน ท่านก็รู้ว่าเป็นแต่เพียงนามชนิดหนึ่ง ผู้ที่เจริญสมถภาวนาไม่ใช่มีฌานจิตตลอดเวลา จิตทางตาที่เห็นก็มี ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจก็มี

เพราะฉะนั้น ถ้าท่านไม่ได้พิจารณารู้ลักษณะของนามและรูป เวลาที่จิตของท่านน้อมไปเป็นฌานจิต ก็ไม่สามารถระลึกได้ว่าเป็นนามชนิดหนึ่ง

ในพระไตรปิฎกได้แสดงไว้ว่า ในบรรดาผู้ที่เจริญสมถภาวนาบรรลุฌานสมาบัตินั้น น้อยท่านที่บรรลุมรรคผล แต่ที่ไม่บรรลุเพราะอะไร เพราะเจริญสติปัฏฐานไม่มากพอที่จะทำให้สติระลึกรู้ลักษณะของนามในขณะที่เป็นฌานได้ ต้องเป็นผู้ที่แคล่วคล่องในฌาน แล้วก็เจริญสติสามารถระลึกแม้ในขณะที่ฌานจิตเกิดว่า เป็นนามชนิดหนึ่ง จึงละ แล้วก็ไม่ยึดถือ จึงจะประจักษ์ความไม่เที่ยงของฌานจิตได้

เรื่องการเจริญสติปัฏฐานเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก และความไม่เข้าใจก็ทำให้ข้อประพฤติปฏิบัตินั้นคลาดเคลื่อนไป ถ้าข้อประพฤติปฏิบัติยังคลาดเคลื่อนอยู่ ผลจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย เป็นต้นว่า ถ้าในขณะนี้สติไม่ระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏ ไม่ใช่ว่าจะไปทำให้รู้ แต่ว่าถ้าสติไม่ระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏแล้ว ก็ไม่มีหนทางที่ปัญญาจะรู้ชัดในนามและรูปที่เกิดขึ้นแล้วเพราะเหตุปัจจัย

เพราะฉะนั้น เพียงนิดเดียวเท่านี้ ก็จะทำให้ท่านคำนึงถึงอนาคตตลอดเวลาว่าจะทำให้รู้ จะทำให้รู้สิ่งที่ยังไม่เกิด โดยที่ปัญญาไม่ได้รู้สิ่งที่เกิดปรากฏแล้วทุกๆ ขณะ


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 65


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ