เวลาที่สติเกิด อภิชฌาโทมนัสจะไม่มีบ้างทีเดียวหรือ
ถ. เวลาที่สติเกิด อภิชฌาโทมนัสจะไม่มีบ้างทีเดียวหรือ
สุ. ใครไม่มีโลภะ พระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มี แต่ผู้ที่กำลังเจริญสติ มีเหตุปัจจัยให้จิตเห็นเกิด จิตเห็นก็เกิด มีปัจจัยให้จิตชอบไม่ชอบ จิตชอบไม่ชอบก็เกิดขึ้น มีปัจจัยให้สติเกิด สติก็เกิด เพราะฉะนั้น โลภะก็ดี โทสะก็ดี เป็นอารมณ์ของสติได้ ไม่ใช่บังคับไม่ให้โลภะเกิด ไม่ให้โทสะเกิด แต่สติที่เป็นสัมมาสติระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปใดๆ ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ประการแรกทีเดียวที่จะละกิเลสนั้น ต้องละความเห็นผิดว่า นามรูปเป็นตัวตนเสียก่อน
เพราะฉะนั้น ขณะใดที่จิตเป็นโลภะ ในจิตดวงนั้นไม่มีสติ แต่เมื่อมีปัจจัยทำให้โลภะเกิดแล้ว จิตที่เกิดต่อสามารถระลึกรู้ลักษณะของโลภะที่ปรากฏในขณะนั้นได้ จิตเห็นก็ไม่ใช่จิตได้ยิน เป็นนามธรรมแต่ละชนิด แต่ปรากฏเสมือนว่าทั้งเห็นทั้งได้ยินเพราะความรวดเร็ว แต่ผู้เจริญสติระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปที่ปรากฏ จะระลึกรู้ลักษณะของนามใดรูปใดก็ได้ แล้วนามใดรูปใดที่ยังไม่รู้ สติก็รู้ว่า จะต้องระลึกรู้ลักษณะของนามนั้นรูปนั้นต่อไปอีก จนกว่าปัญญาจะรู้ชัด
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...