ฟังแล้วพิจารณาเหตุผลไว้ สำหรับไปปฏิบัติ หมายความว่าอย่างไร
ได้รับทราบจากท่านผู้ฟังท่านหนึ่งที่ฟังการเจริญสติปัฏฐาน แต่ท่านอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือเข้าใจผิด ท่านบอกว่า ฟังแล้วพิจารณาเหตุผลไว้สำหรับเวลาที่ไปปฏิบัติจริงๆ เวลาไปปฏิบัติจริงๆ หมายความว่าอย่างไร
ท่านผู้ฟังอีกท่านหนึ่งตอบแทนว่า ที่ท่านผู้นั้นกล่าวอย่างนั้นเป็นเพราะคงจะเข้าใจว่า การเจริญสติปัฏฐานนี้ต้องไปสู่สถานที่หนึ่งที่ใดแล้วจึงจะเป็นการปฏิบัติจริงๆ บางท่านอาจจะตอบว่า ไปหาอารมณ์ ความจริงแล้วไม่เคยขาดอารมณ์เลย ขณะใดที่มีจิตซึ่งเป็นสภาพรู้ ก็ต้องมีอารมณ์ คือ สิ่งที่จิตกำลังรู้ในขณะนั้น ทุกขณะที่มีจิตก็ต้องมีอารมณ์ทั้งนั้น
บางท่านไปสู่สถานที่จำกัด ซึ่งคงจะลำบากมากทีเดียว เพราะเป็นสถานที่ที่ร้อนอบอ้าว ไม่สามารถที่จะมีความเป็นอยู่ตามปกติได้ ต้องเข้าไปนั่งไปนอนอยู่ในห้องน้ำ เพราะร้อนมาก เมื่อถามท่านผู้นั้นหลังจากที่กลับมาแล้วว่า ในเมื่อร้อนและลำบากอย่างนั้นทำไมเข้าไปอยู่ ท่านผู้นั้นตอบว่า เข้าไปอยู่อย่างนั้นเพราะขณะนั้นกำลังอารมณ์ดี หรืออารมณ์กำลังดี
ในพระพุทธศาสนา อารมณ์ดีเป็นอิฏฐารมณ์ ไม่ใช่อารมณ์ที่นำความทุกข์ความโทมนัส หรือความเดือดร้อนมาให้ กำลังนั่งร้อนๆ อยู่ในห้องน้ำอบอ้าว เป็นอิฏฐารมณ์ หรือเป็นอนิฏฐารมณ์
ถ้าขณะนั้นท่านจะกล่าวว่า รู้ทุกข์ เพราะไปนั่งเมื่อยๆ และอบอ้าวร้อนๆ ทุกข์ที่ควรจะรู้ที่เป็นอริยสัจคืออะไร
สังขารธรรมทั้งหลายไม่เที่ยงจึงเป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน ความเกิดและดับไปของสังขารธรรมเป็นสิ่งที่จะต้องทราบด้วยปัญญาที่ได้อบรมให้เจริญขึ้น และได้ประจักษ์ความจริงว่า ความไม่เที่ยงของสภาพธรรมทั้งหลายนั้นเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นทางตาที่กำลังเห็น จะเป็นอารมณ์ดีหรืออารมณ์ไม่ดี จะเป็นอิฏฐารมณ์หรืออนิฏฐารมณ์ก็ตาม ผู้เจริญสติรู้ลักษณะของนามและรูปที่ปรากฏในขณะนั้น แล้วต้องอบรมเจริญปัญญาให้มากขึ้นจนกระทั่งประจักษ์ความไม่เที่ยงของนามและรูป จึงจะกล่าวว่า รู้ทุกข์
เพราะฉะนั้น ที่ว่ากำลังอารมณ์ดี ไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่ในสถานที่จำกัด ถ้าตัวท่านเองกำลังเป็นผู้นั้น ท่านอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ถูก แต่ถ้าท่านถอยห่างออกมาพิจารณาด้วยเหตุผล และตรวจสอบกับพระธรรมวินัยเพื่อความเข้าใจถูกต้อง ท่านมีข้อสงสัยอะไรบ้างไหมว่าทำไมจึงต้องทำอย่างนั้นด้วย และการเห็นทุกข์นั้น เห็นทุกข์อะไร การอบรมเจริญปัญญา ปัญญานั้นรู้อะไร รู้ขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้หรือเปล่า รู้ขณะที่กำลังได้ยินเดี๋ยวนี้หรือเปล่า ไม่ว่าท่านจะนั่ง นอน ยืน เดิน อยู่ที่ไหนก็ตามล้วนมีอารมณ์ปรากฏที่สติควรจะระลึกรู้ลักษณะนั้นตามความเป็นจริง และปัญญาก็รู้ชัดขึ้น ละคลายการยึดถือสภาพธรรมนั้นว่าเป็นตัวตนมากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปทนทรมานร้อนอบอ้าวอุดอู้อยู่ในที่หนึ่งที่ใดเลย
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...