การเจริญสติปัฏฐาน ไม่ใช่ยับยั้งให้มีเพียงแค่เสียงกับได้ยิน

 
สารธรรม
วันที่  17 ก.ย. 2565
หมายเลข  43981
อ่าน  186

. การเจริญสติปัฏฐานทางโสตทวาร เมื่อเสียงกระทบทางโสตทวาร เราก็รู้เพียงสักแต่ว่าเสียง หากเรามีสติรู้เพียงสักแต่ว่าเสียงอย่างนี้ เราจะฟังอะไรไม่รู้เรื่อง ถ้าหากว่าเราจะรู้ ก็จะเป็นการรู้บัญญัติไป สำหรับข้อนี้จะผิดหรือถูก ขอให้อาจารย์ช่วยวินิจฉัยด้วย

สุ. เสียงเป็นของจริง นามที่รู้เสียงก็เป็นของจริง นามที่รู้ความหมายของเสียงก็เป็นของจริง สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน เสียงก็ไม่ใช่ตัวตน ปรากฏแล้วก็หมดไป ธรรมชาติที่ได้ยินก็เป็นธาตุชนิดหนึ่งอาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้นแล้วก็หมดไป เมื่อธรรมชาติที่ได้ยินดับไปแล้วยังเป็นปัจจัยให้จิตต่อๆ ไปเกิดขึ้น รวมทั้งจิตที่รู้ความหมายของเสียงที่ได้ยินด้วย

เพราะฉะนั้น ผู้ที่เจริญสติระลึกรู้ว่า ที่กำลังรู้เรื่องในขณะนี้ก็เป็นนามธรรมชนิดหนึ่งไม่ใช่รูปธรรม แต่ไม่ใช่มีผู้หนึ่งผู้ใดไปกั้นเป็นอัตตาว่าให้รู้เพียงแค่เสียง อย่าให้รู้เรื่อง เพราะเหตุว่าสภาพที่รู้เรื่องเป็นของจริง รูปรู้อะไรไม่ได้ รูปรู้ความหมายของสิ่งต่างๆ ไม่ได้ แต่นามธรรมนั้นเป็นธรรมชาติที่รู้ได้ ดังนั้น ขณะใดที่รู้ความหมายของเสียง รู้เรื่องที่กำลังได้ยิน ขณะนั้นสติก็รู้ว่า สภาพที่รู้นั้นก็เป็นแต่เพียงนามธรรมชนิดหนึ่ง

ถ้าการเจริญสติปัฏฐานยับยั้งให้มีเพียงแค่เสียงกับได้ยิน ธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่เกื้อกูลแก่สาวก แต่ที่ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะบรรลุ อริยสัจจธรรมเป็นพระอริยสาวกเมื่อได้ฟังธรรม ธรรมเกื้อกูลอุปการะให้ท่านเข้าใจ และมนสิการพิจารณารู้ชัดในลักษณะธรรมทั้งปวงที่เป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตนตามความเป็นจริง ทางตา มีนามมีรูป ทางหู มีนามมีรูป ทางจมูก มีนามมีรูป ทางลิ้น มีนามมีรูป ทางกาย มีนามมีรูป ทางใจ มีนามมีรูป

สภาพของจิตที่รู้เรื่อง เป็นจิตชนิดหนึ่งซึ่งสติจะต้องระลึกรู้ทางใจว่า ลักษณะนั้นเป็นนามชนิดหนึ่ง ถ้าเริ่มระลึกรู้ลักษณะที่ต่างกันของนามและรูปที่เกิดดับสืบต่อกัน ก็จะประจักษ์ว่า แต่ละนามแต่ละรูปนั้นไม่ใช่ประเภทเดียวกัน เกิดดับสืบต่อกันจริง แต่ว่าเป็นนามแต่ละชนิด เป็นรูปแต่ละชนิด


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 90


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ