มีนามมีรูปไหนที่ยั่งยืนตั้งอยู่นานที่จะให้รู้ได้ตลอดเวลา

 
สารธรรม
วันที่  17 ก.ย. 2565
หมายเลข  44003
อ่าน  158

ถ. ความแตกต่างกันอยู่ตรงนี้ ที่อาจารย์บอกว่าบังคับไม่ได้ ทางฝ่ายโน้นหรือบางแห่งบอกว่า นำสมาธิไปบังคับไม่ให้มีอนาคต ไม่ให้มีอดีต ให้อยู่ปัจจุบัน นี่เรียกว่าปัจจุบันอารมณ์ แล้วแปลคำว่า ขณิกสมาธิ ที่อาจารย์แปลว่าเกิดนิดเดียว แล้วก็ดับไป แต่ทางโน้นคำว่า ขณิกสมาธินี้ยืดยาว ไม่ใช่นิดเดียว แต่ก็ไม่ถึงอัปปนา และไม่ถึงอุปจาระ เมื่อไม่ถึงอุปจาระ อัปปนาแล้ว นอกนั้นเรียกว่า ขณิกสมาธิ เพราะฉะนั้น ขณิกสมาธิจึงบังคับรูปหรือนามโดยเฉพาะ ไม่ให้จิตไปในอนาคตและอดีต จึงรู้ลักษณะของรูปนามที่ปรากฏว่าเกิด มีอนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตาได้ เมื่อรู้อนิจฺจํทุกฺขํ อนตฺตาของนามใดรูปใดโดยเฉพาะแล้ว นามอื่นรูปอื่นที่มากมายนั้นไปเทียบกัน ก็เหมือนกัน เช่นเดียวกับ ก สระอา ก็ว่ากา ข สระอา ก็ว่าขา ความหมายอย่างนี้ ขอให้อาจารย์เน้นชัดไปว่า เหตุผลควรจะฟังทางใดทางหนึ่งมากกว่ากันอย่างใด

สุ. เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาเทียบเคียง และขอให้ได้พิจารณาคำที่ได้กล่าวแล้วทั้งหมดว่า เป็นปกติในชีวิตหรือไม่ เป็นของจริงๆ ไหม เป็นนามเป็นรูปที่จะต้องรู้ชัดรู้ทั่วแล้วจึงละได้หรือไม่ ขณิกสมาธิไม่ใช่อุปจารสมาธิ ไม่ใช่อัปปนาสมาธิจริง แต่การรู้ลักษณะของนามและรูป มีนามมีรูปไหนที่ยั่งยืนตั้งอยู่นานที่จะให้รู้ได้ตลอดเวลา


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 92


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ