ดูกร ภิกษุ คนเรานี้มีความหน่วงนึกของใจ ๑๘
(ธาตุวิภังคสูตร)
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกร ภิกษุ คนเรานี้มีความหน่วงนึกของใจ ๑๘ นั่น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว คือ บุคคลเห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ย่อมหน่วงนึกรูปเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส หน่วงนึกรูปเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส หน่วงนึกรูปเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา ฟังเสียงด้วยโสตแล้ว ... ดมกลิ่นด้วยฆานะแล้ว ... ลิ้มรสด้วยชิวหาแล้ว ... ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว ... รู้ธรรมารมณ์ด้วยมโนแล้ว ย่อมหน่วงนึกธรรมารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส หน่วงนึกธรรมารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส หน่วงนึกธรรมารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา นี้เป็นการหน่วงนึกโสมนัส ๖ หน่วงนึกโทมนัส ๖ หน่วงนึกอุเบกขา ๖ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ดูกร ภิกษุ คนเรานี้มีความหน่วงนึกของใจ ๑๘ นั่น เราอาศัยความหน่วงนึกดังนี้กล่าวแล้ว ฯ
สิ่งใดเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ว่าจะเพราะตาเห็นแล้ว เกิดความรู้สึกโสมนัส โทมนัส หรืออุเบกขา ก็ให้รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่ว่าให้ไปบังคับไม่ให้โสมนัสเกิด ไม่ให้โทมนัสเกิด ถ้าเป็นการบังคับอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่มีโอกาสที่จะรู้ลักษณะของนามและรูปทั่ว เมื่อไม่รู้ทั่วก็ละไม่ได้
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...