บุคคลย่อมรู้อะไรๆ ได้ด้วยวิญญาณนั้น
(ธาตุวิภังคสูตร)
ประการต่อไป คือ วิญญาณธาตุ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ต่อนั้น สิ่งที่จะเหลืออยู่อีก ก็คือ วิญญาณอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง บุคคลย่อมรู้อะไรๆ ได้ด้วยวิญญาณนั้น คือ รู้ชัดว่า สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ไม่ทุกข์ไม่สุขบ้าง
ดูกร ภิกษุ เพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา ย่อมเกิดสุขเวทนา บุคคลนั้นเมื่อเสวยสุขเวทนา ย่อมรู้สึกว่า กำลังเสวยสุขเวทนาอยู่ เพราะผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งเวทนานั้นแลดับไป ย่อมรู้สึกว่า ความเสวยอารมณ์ที่เกิดแต่ผัสสะนั้น คือ ตัวสุขเวทนาอันเกิดเพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาย่อมดับ ย่อมเข้าไปสงบ เพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนา ย่อมเกิดทุกขเวทนา บุคคลนั้นเมื่อเสวยทุกขเวทนา ย่อมรู้สึกว่า กำลังเสวยทุกขเวทนาอยู่ เพราะผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนานั้นแลดับไป ย่อมรู้สึกว่า ความเสวยอารมณ์ที่เกิดแต่ผัสสะนั้น คือ ตัวทุกขเวทนาอันเพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนาย่อมดับ ย่อมเข้าไปสงบ
เพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนา ย่อมเกิดอทุกขมสุขเวทนา บุคคลนั้นเมื่อเสวยอทุกขมสุขเวทนา ย่อมรู้สึกว่า กำลังเสวยอทุกขมสุขเวทนาอยู่ เพราะผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนานั้นแลดับไป ย่อมรู้สึกว่า ความเสวยอารมณ์ที่เกิดแต่ผัสสะนั้น คือ ตัวอทุกขมสุขเวทนาอันเกิดเพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนาย่อมดับ ย่อมเข้าไปสงบ
ทุกอย่างที่สติระลึกรู้ได้ ไม่ว่าสุขเวทนาเกิดขึ้น รู้ว่าสุขเวทนาเกิดเพราะอาศัยปัจจัยอะไร ถ้าทุกขเวทนาเกิด ก็รู้ว่า ทุกขเวทนาเกิดนั้นเพราะอาศัยปัจจัยอะไร ถ้าความรู้สึกเฉยๆ อทุกขมสุขเวทนาเกิด ก็รู้ว่า อทุกขมสุขเวทนา คือ ความรู้สึกเฉยๆ นั้นเกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยอะไร เพราะเนื่องมาจากทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ และเมื่อดับก็รู้ด้วยว่า สุขเวทนานั้นดับ ทุกขเวทนานั้นดับ หรือว่าอุเบกขาเวทนานั้นดับหมดแล้ว
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...