ก็ภิกษุเป็นผู้มีการแสวงหาทั้งปวงอันสละแล้วอย่างไร

 
chatchai.k
วันที่  21 ก.ย. 2565
หมายเลข  44077
อ่าน  171

อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต ปฏิลีนสูตร มีข้อความว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่าง อันบรรเทาได้แล้ว มีการแสวงหาทั้งปวงอันละแล้ว มีกายสังขารอันสงบระงับ เราเรียกว่า ผู้มีการหลีกออก เร้นอยู่

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้มีทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่าง อันบรรเทาได้แล้ว อย่างไร

ทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่างเป็นอันมากของสมณพราหมณ์ ผู้มีกิเลสหนาแน่นเหล่าใด คือ เห็นว่าโลกเที่ยง หรือว่าโลกไม่เที่ยง โลกมีที่สุด หรือว่าโลกไม่มีที่สุด ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น หรือว่าชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีก หรือว่าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมไม่เกิดอีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มี หรือว่าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้

ทิฏฐิสัจจะเหล่านั้นทั้งหมด อันภิกษุในธรรมวินัยนี้บรรเทาได้แล้ว สละแล้ว คลายออกแล้ว ปล่อยแล้ว ละได้แล้ว สละคืนแล้ว ภิกษุเป็นผู้มีทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่างอันบรรเทาได้แล้ว ดังนี้แล ทิฏฐิสัจจะนั้น คือ เห็นว่าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีก

ยังเห็นว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล การเกิดขึ้นก็เพราะยังมีปัจจัยที่ให้เกิด และปัจจัยที่ให้เกิดนั้นก็ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เพราะฉะนั้น เวลาที่จะหลีกออกจากกิเลส หรือว่าหลีกออก เร้นอยู่จากกิเลส คือ ความเห็นผิดเป็นเบื้องแรก ซึ่งข้อความต่อไปมีว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้มีการแสวงหาทั้งปวงอันสละแล้วอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ มีการแสวงหากามอันละได้แล้ว มีการแสวงหาภพอันละได้แล้ว มีการแสวงหาพรหมจรรย์อันสงบแล้ว ภิกษุเป็นผู้มีการแสวงหาทั้งปวงอันสละแล้วอย่างนี้แล

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้มีกายสังขารอันสงบระงับอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขและทุกข์ และดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ภิกษุเป็นผู้มีกายสังขารอันสงบระงับอย่างนี้แล

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้หลีกออก เร้นอยู่อย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ละอัสมิมานะได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นดัง ตาลยอดด้วน กระทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา ภิกษุเป็นผู้หลีกออก เร้นอยู่อย่างนี้แล

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้มีทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่างอันบรรเทาได้แล้ว มีการแสวงหาทั้งปวงอันสละแล้ว มีกายสังขารอันสงบระงับแล้ว เราเรียกว่าผู้หลีกออก เร้นอยู่

การแสวงหากาม การแสวงหาภพ กับการแสวงหาพรหมจรรย์ อันภิกษุในธรรมวินัยนี้สละคืนแล้ว การเชื่อถือสัจจะในฐานะแห่งทิฏฐิทั้งหลาย อันภิกษุในธรรมวินัยนี้ถอนขึ้นแล้ว ด้วยประการดังนี้ ภิกษุผู้สำรอกราคะทั้งปวง ผู้หลุดพ้นเพราะสิ้นตัณหา สละคืนการแสวงหา ถอนฐานะแห่งทิฏฐิทั้งหลายได้แล้ว ภิกษุนั้นแลเป็นผู้สงบ มีสติ ระงับกายสังขาร เป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ เป็นผู้ตรัสรู้ เพราะรู้เท่าถึงมานะ เราเรียกว่า เป็นผู้หลีกออก เร้นอยู่

มีเรื่องของสถานที่บ้างไหม เป็นเรื่องของปัญญาที่รู้แล้วละกิเลสทั้งนั้น จนกระทั่งถึงที่สุด คือ การเป็นพระอรหันต์


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 102


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ