การฟังดีก็เป็นเหตุให้การฟังเจริญ การฟังเป็นเหตุให้เจริญปัญญา

 
chatchai.k
วันที่  21 ก.ย. 2565
หมายเลข  44099
อ่าน  160

ขุททกนิกาย มหาจุนทเถรคาถา ท่านกล่าวว่า

การฟังดีเป็นเหตุให้การฟังเจริญ การฟังเป็นเหตุให้เจริญปัญญา บุคคลจะรู้ประโยชน์ก็เพราะปัญญา ประโยชน์ที่บุคคลรู้แล้วย่อมนำสุขมาให้ ภิกษุควรส้องเสพเสนาสนะอันสงัด ควรประพฤติธรรมอันเป็นเหตุให้จิตหลุดพ้นจากสังโยชน์ ถ้ายังไม่ได้ประสบความยินดีในเสนาสนะอันสงัดและธรรมนั้น ก็ควรเป็นผู้มีสติ รักษาตนอยู่ในหมู่สงฆ์

นี่เป็นคาถาของพระมหาจุนทะเถระเรื่องของการฟัง การฟังดีก็เป็นเหตุให้การฟังเจริญ การฟังเป็นเหตุให้เจริญปัญญา บุคคลจะรู้ประโยชน์ก็เพราะปัญญา ปัญญาที่บุคคลรู้แล้วย่อมนำสุขมาให้ ภิกษุควรส้องเสพเสนาสนะอันสงัด

ใช้คำว่า ควร ชีวิตของภิกษุไม่ใช่ชีวิตที่คลุกคลีอย่างของฆราวาส อุบาสก อุบาสิกา เป็นชีวิตที่ละอาคารบ้านเรือนแล้ว จุดประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของบรรพชิตนั้นไม่ใช่เพียงการบรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบัน แต่ควรได้ประโยชน์อันยิ่งโดยการบรรลุเป็นพระอรหันต์ ซึ่งการบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ต้องเป็นผู้ที่ส้องเสพเสนาสนะอันสงัด ที่สงัดจริงๆ ในความหมายของการเป็นผู้อยู่ผู้เดียวนั้น คือ ไม่คำนึงหรือเยื่อใยถึงอดีตที่ล่วงไปแล้ว และในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง จึงจะชื่อว่า เป็นผู้อยู่ผู้เดียว

ในขณะนี้ ถ้าใครระลึกลักษณะของรูป ลักษณะของนามโดยไม่มีเยื่อใยถึงสิ่งที่หมดไปเมื่อสักครู่นี้ แล้วไม่คิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือใครมีสติระลึกรู้ลักษณะของนามที่กำลังปรากฏ มีลักษณะของนามนั้นกำลังปรากฏ ไม่มีเยื่อใยความเป็นตัวตนไปผูกพันไว้ หรือไม่คิดถึงอนาคตที่ยังไม่เกิดไม่ปรากฏในขณะนั้น จึงจะชื่อว่า เป็นผู้อยู่ผู้เดียว

เวลานี้ ผู้ที่เริ่มเจริญสติปัฏฐาน สติระลึกรู้ลักษณะของนามบ้าง ระลึกรู้ลักษณะของรูปบ้าง แต่ความเยื่อใยนั้นยังมาก ความผูกพัน ความกังวล หรือความต้องการที่เอื้อมไปข้างหน้าแม้แต่ชั่วนิดเดียว หรือว่าถอยไปโยงไว้กับข้างหลังแม้แต่ชั่วนิดเดียว นั่นก็เป็นลักษณะของเยื่อใย แต่การเป็นผู้อยู่ผู้เดียวจริงๆ คือ สติระลึกรู้ลักษณะของนาม ระลึกรู้ลักษณะของรูป แล้วไม่เยื่อใยผูกพันไว้


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 106


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ