ฟังคำที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง_เผยแพร่พระธรรม ณ แดนพุทธภูมิ ประเทศอินเดีย วันที่ ๙ - ๑๒ กันยายน ๒๕๖๕

 
khampan.a
วันที่  24 ก.ย. 2565
หมายเลข  44168
อ่าน  1,627

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ช่วงที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะ เดินทางไปเผยแพร่พระธรรม ณ แดนพุทธภูมิ ที่เมืองลัคเนา ประเทศอินเดีย ครั้งที่ ๒ วันที่ ๙ - ๑๒ กันยายน ๒๕๖๕ มีสนทนาธรรมฮินดี - ไทย ๓ ครั้ง คือ ที่พระวิหารเชตวัน ที่ Revanta Hotel เมืองลัคเนา และ ที่ Lineage Hotel เมืองลัคเนา ตามลำดับ

ขอโอกาสถอดคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บางช่วงบางตอน เพื่อให้ทุกท่านได้อ่าน พิจารณาไตร่ตรอง เป็นเบื้องต้น ต่อจากนั้นก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมในสื่อฉบับเต็มของ มศพ. ต่อไป (ตามลิ้งค์ยูทูปด้านล่าง)



สนทนาธรรมที่พระวิหารเชตวัน เขตพระนครสาวัตถี
วันเสาร์ที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๕

วันนี้ก็เป็นวันหนึ่ง เหมือนเมื่อครั้งพุทธกาลที่มีผู้ที่ได้เดินทางมาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่เพื่ออะไรอื่นเลย แต่เพื่อได้รู้จักพระคุณที่เหนือบุคคลใดทั้งสิ้นในสังสารวัฏฏ์ พระธรรมที่ทรงแสดง เพื่อให้มีความเข้าใจถูกมีความเห็นถูก ซึ่งถ้าไม่เคยฟังมาก่อนเลย จะคิดไม่ถึงเลยว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อะไร ได้ยินแต่ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม แต่ก็ไม่สามารถจะเข้าใจสักคำว่าตรัสรู้อะไรและธรรมคืออะไร?

ขณะนี้ถึงเวลาที่ยากที่จะมีได้ในสังสารวัฏฏ์ แต่ละคำต้องเคารพสูงสุดในความจริง ในสัจจะ ไม่ใช่ทุกคำของพระองค์ให้เชื่อ แต่ให้ฟังไตร่ตรองว่า คำนั้นถูกหรือผิด จริงหรือไม่จริง นี่เป็นการเริ่มต้นของการเคารพในพระปัญญาคุณในพระบริสุทธิคุณและในพระมหากรุณาคุณที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีให้เราได้ฟังทุกคำที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง มิใช่ให้เชื่อ แต่ให้ฟังด้วยความเคารพ ถ้าฟังไม่เข้าใจ ไม่ไตร่ตรอง จะเป็นการเคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นการเข้าใจคำที่ได้ยิน จึงจะเป็นการเคารพ พระองค์ตรัสถึงสิ่งที่มีทุกขณะ ไม่ว่าในกาลไหนๆ ในอดีตกาลนานแสนนานมาแล้ว และในขณะนี้และต่อไป ความจริงก็เปลี่ยนไม่ได้เลย

การฟังธรรม ได้ยินหลายคำ แต่ถ้าไม่มีการสนทนาที่จะให้เข้าใจจริงๆ จะไม่รู้เลยว่า เข้าใจคำนั้นหรือจำคำนั้น เพราะฉะนั้น ก่อนอื่น ต้องไม่เผินที่จะคิดว่าเข้าใจแล้ว

ได้ยินคำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อนี้ไม่สามารถที่จะเป็นชื่อของใครได้ทั้งสิ้น นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียว ได้ยินคำว่าพระอรหันต์ แล้วก็ได้ยินชื่อมากมาย เช่น ท่านพระสารีบุตร เป็นพระอรหันต์ ท่านพระมหาโมคคัลลานะ เป็นพระอรหันต์ แต่ก็ไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ทุกคำต้องเข้าใจความจริงที่พระองค์ตรัสแล้วก็กำลังมีในขณะนี้แล้วก็พิสูจน์ว่า เข้าใจจริงๆ หรือเปล่า? ขณะนี้ มีหลายคนมาก เหมือนกันไหม? คิดอย่างเดียวกันหรือเปล่า เพราะฉะนั้น การที่จะรู้ว่าใครคิดถูก ใครคิดผิด ใครคิดด้วยความเข้าใจหรือใครคิดด้วยความไม่รู้ ก็จะมีได้ต่อเมื่อมีการสนทนาธรรม ด้วยเหตุนี้ การสนทนาธรรม ก็เป็นการให้ทุกคนได้คิดพิจารณาด้วยตัวเอง ไม่ใช่เชื่อใคร แต่ต้องเป็นความจริงที่ทุกคนเห็นว่าถูกต้อง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่ทำให้แต่ละอย่างเกิดขึ้น พระองค์จึงตรัสด้วยพระองค์เองว่า สิ่งที่มีจริง คือ ธรรมทั้งหลายเกิดแล้วก็ดับ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ใครเลย แต่เป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ เพราะฉะนั้น จึงต้องเริ่มเข้าใจว่าธรรมคืออะไร

อธิษฐานบารมี มั่นคงในสิ่งที่เป็นจริง มีจริง ไม่ใช่มั่นคงต่อความไม่จริงที่เป็นเรา ถ้าไม่รู้ว่าอะไรจริง เปลี่ยนไม่ได้ จะมั่นคงในความจริงไหม? เพราะฉะนั้น นี่เป็นสัจจบารมี มั่นคงต่อความจริงว่าไม่มีเราแน่นอน เพราะว่า เพียงเห็นเกิดแล้วก็ดับ ได้ยินเกิดแล้วก็ดับ ทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับ ไม่กลับมาอีกเลย

ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ แต่ต้องอดทนแล้วก็รู้ความลึกซึ้งแล้วก็จะค่อยๆ เข้าใจถูกต้องขึ้น เพื่อความเข้าใจความลึกซึ้งอย่างยิ่งของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ที่ปรากฏ

มีความเข้าใจสิ่งที่ได้ฟังเท่าไหร่ ก็มีความนอบน้อมเคารพอย่างยิ่งในพระปัญญาคุณพระบริสุทธิคุณและพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทำให้เราได้ฟังความจริง

ถ้าไม่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ไม่มีโอกาสได้เข้าใจในพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระวิหารเชตวัน แม้ว่าจะเป็นที่ที่พระองค์ได้ประทับแล้วก็ทรงแสดงพระธรรมนาน ๑๙ พรรษา ก็จะไม่มีความหมายใดๆ ทั้งสิ้น จะเห็นพระองค์ได้ ก็ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจเท่านั้น



สนทนาธรรมที่ Revanta Hotel เมืองลัคเนา ประเทศอินเดีย
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๕

ยินดีที่ทุกคนได้มีโอกาสพิเศษที่ได้มีโอกาสได้นมัสการพระบรมสารีริกธาตุ จะแสดงความเคารพใคร ก็ต้องเป็นการเคารพในคุณความดีของคนนั้นผู้ที่มีคุณสูงสุดไม่มีใครเปรียบได้เลย ณ กาลครั้งหนึ่งได้ประทับที่ประเทศนี้และได้ทรงแสดงพระธรรม ถ้าท่านผู้นั้นไม่ได้มีคำที่จะทำให้คนอื่นได้รู้ประโยชน์ คนอื่นจะเคารพกราบไหว้อย่างยิ่งไหม? การกราบไหว้ต้องมาจากใจจริง ถ้าไม่รู้คุณสูงสุดของบุคคลนั้น การกราบไหว้ ก็เป็นเพียงเล็กน้อย เมื่อรู้คุณของผู้นั้น จึงกราบไหว้บูชาตามความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น ต้องเป็นผู้ตรง ไม่ใช่เพียงยกมือกราบไหว้นมัสการ แต่ต้องเป็นใจที่นอบน้อมเคารพอย่างยิ่ง เพราะมีความเข้าใจในสิ่งซึ่งไม่สามารถจะมีความเข้าใจอย่างนี้ได้ ถ้าไม่ได้ฟังคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้

เพียงคำเดียว ก็แสดงความจริงของสิ่งที่กำลังมีขณะนี้ เพราะฉะนั้น ฟังคำ (ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา ถ้าลืมคำนี้ ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจทุกคำและพิสูจน์ว่ามีจริงๆ เดี๋ยวนี้หรือเปล่า? คำสั้นๆ แต่ลึกซึ้งที่สุด ธรรม ทั้งหลาย เป็นอนัตตา หมายความว่า ธรรมคือสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ใครเลยทั้งสิ้น ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้น ต้องเริ่มรู้จักธรรม ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงแน่นอน มิฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะตรัสรู้อะไร ถ้าไม่ใช่สิ่งที่มีจริง เพียงเท่านี้ไม่ใช่ให้เชื่อ แต่ต้องเข้าใจไตร่ตรองว่าสิ่งที่มีจริง มีจริงๆ หรือเปล่า?

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม สนทนาธรรมกับผู้ที่ไปเฝ้าพระองค์ ไม่ใช่ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า นั่งเฉยๆ หรือสนทนาเรื่องอื่น แต่ว่าสนทนาในสิ่งที่เป็นธรรม คือ สิ่งที่มีจริงที่จะรู้จักคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงความลึกซึ้งของสิ่งที่มี จึงต้องสนทนากับผู้ที่ไปเฝ้าหลายครั้งโดยละเอียด เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ตั้งแต่วันนี้ เริ่มเป็นคนตรงที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังคำของพระองค์แล้วเราเป็นใคร สามารถที่จะเข้าใจคำที่พระองค์ตรัสไว้ได้เท่าไหร่ ต่างคนต่างฟัง ต่างคนต่างเข้าใจ แล้วจะรู้ได้ว่า ความจริงถึงที่สุดนั้น คือ อย่างไร ก็ต่อเมื่อได้สนทนากัน เพราะเหตุว่า เมื่อฟังแล้วทุกคนก็มีความคิดหลากหลายมาก ตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้าง เพราะฉะนั้น ควรที่จะเข้าใจคำของพระองค์ โดยการสนทนากัน เพราะว่า ความเข้าใจของเราอีกนานเท่าไหร่กว่าจะสามารถเข้าถึงความเข้าใจของพระองค์ที่ตรัสรู้ความจริงของทุกอย่างที่มีจริง



สนทนาธรรมที่ Lineage Hotel เมืองลัคเนา ประเทศอินเดีย
วันจันทร์ที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๕

ทุกคนต้องตาย เมื่อไหร่ ไม่รู้ ดูเหมือนความตายอีกไกลมาก แต่ว่าใครจะรู้บ้างว่า ต่อจากขณะนี้ อะไรจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ อะไรจะเกิด เกิดได้แน่นอน เมื่อมีปัจจัย (สิ่งที่อุปการะเกื้อกูลให้เกิดขึ้น) โดยไม่มีใครทำ เพราะฉะนั้น อะไรประเสริฐที่สุดในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่? การรู้ความจริง การเข้าใจความจริงถูกต้อง

มีเหตุให้ได้ยิน ได้ยินก็เกิด มีเหตุให้เห็น เห็นก็เกิด มีเหตุให้คิด คิดก็เกิด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงทุกอย่างถึงที่สุด โดยประการทั้งปวง ถ้าไม่ฟังจะไม่มีความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ทุกคนจะไม่พ้นจากความเจ็บความทุกข์ต่างๆ ในชีวิตซึ่งเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้ามีการรู้ความจริงว่าทุกอย่างบังคับบัญชาไม่ได้ ถึงเวลาจะเกิด ก็ต้องเกิด ก็ทำให้ไม่เป็นทุกข์เท่ากับคนที่ไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้น ความรู้ความจริง ก็จะทำให้ความทุกข์น้อยลง จนกระทั่งรู้ทั้งหมดประจักษ์แจ้งสิ่งที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้ก็จะทำให้พ้นจากความทุกข์ได้

ความจริงเป็นสิ่งที่มีจริง ใช้คำว่าธรรม ธรรมมีมากไหม มีหลายชนิดไหม แต่ทั้งหมดต่างกันเป็น ๒ ประเภท สภาพธรรมอย่างหนึ่งเกิดขึ้นต้องรู้เป็นสภาพรู้ ไม่รู้ไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบัญญัติเรียกสิ่งนั้นว่า นามธรรม, สภาพที่ไม่รู้เกิด จึงมี แต่ไม่รู้อะไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่าสภาพไม่รู้ นั้น เป็นรูปธรรม ถ้าไม่เข้าใจความจริงนี้ รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า เพราะฉะนั้น คนที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นผู้ที่ฟังคำของพระองค์ แล้วเข้าใจถูกต้องว่าเพราะเหตุใด พระองค์จึงตรัสรู้ความจริง เป็นถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เห็นพระคุณยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม? เคยเห็นผิดมานานเท่าไหร่ทุกชาติในสังสารวัฏฏ์ แม้ก่อนจะได้ฟังพระธรรม ก็เห็นผิด แต่สามารถเริ่มเห็นถูกได้ จึงเคารพบูชาสูงสุดในผู้ที่ทำให้สามารถรู้ความจริงซึ่งไม่เคยรู้มาเลยในสังสารวัฏฏ์ ถ้าฟังต่อไปค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งถึงวาระที่สามารถรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้ เมื่อนั้นจะไม่มีความสงสัยในการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



ขอเชิญศึกษาเนื้อหาการสนทนาธรรมทั้ง ๓ ครั้ง ได้ที่ยูทูปด้านล่างนี้










...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
กราบยินดีในความเกื้อกูลของคุณสุคิน ผู้แปลเป็นภาษาฮินดี
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ไพรศรี
วันที่ 24 ก.ย. 2565

อนุโมทนา สาธุครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 24 ก.ย. 2565

กราบเท้าท่านอาจารย์ที่เคารพยิ่ง

กราบยินดีในกุศลของท่านสุคิน คุณอาชา คุณอาคิลและทุกๆ ท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Junya
วันที่ 24 ก.ย. 2565

น้อมกราบพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ และกราบคณะอาจารย์ทุกท่านด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
tim7755tim
วันที่ 24 ก.ย. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 24 ก.ย. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และกราบยินดีในความดีคุณสุคิน และคณะอาจารย์วิทยากรทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ย. 2565

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 24 ก.ย. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ธีรพันธ์
วันที่ 25 ก.ย. 2565

ขอถวายความนอบน้อมแด่พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และกราบยินดีในความดีของอาจารย์สุคิน ตลอดจนถึงกราบยินดีในความดีของทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Premruethai
วันที่ 25 ก.ย. 2565

กราบอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ