การรู้ว่าสิ่งใดเป็นรูป การรู้ว่าสิ่งใดเป็นนาม
การรู้ว่าสิ่งใดเป็นรูป การรู้ว่าสิ่งใดเป็นนาม
สุ. ท่านก็พูดถึงรูปนั่งบ่อยๆ เรื่องอัธยาศัย เหมือนกับท่านรู้อัธยาศัยของท่านเองว่า การเจริญอย่างใดจะเหมาะแก่อัธยาศัยของท่าน ท่านรู้เอง หรือว่าต้องอาศัยคนอื่นบอก
ถ. ทีแรกผมไม่รู้หรอก ปฏิบัติไปๆ ปัญญารู้ดีขึ้น รู้ขึ้นบ้างเล็กน้อย อาจารย์เขาบอกอย่างนั้น
สุ. อิริยาบถทุกคนเลยใช่ไหม
ถ. ก็คนในสมัยนี้กิเลสหนา
สุ. ตกลงคนในสมัยนี้มีอัธยาศัยเดียว
ถ. อย่างอื่นก็มีเหมือนกัน แต่ส่วนมาก ๘๐ % รูปนั่ง อิริยาบถ ๔ นี่ละที่ว่าดูง่าย เราก็เห็นว่าง่าย อย่างลมหายใจยากมาก
สุ. การรู้ว่าสิ่งใดเป็นรูป การรู้ว่าสิ่งใดเป็นนาม ต้องมีลักษณะของสิ่งนั้นปรากฏให้ปัญญารู้ชัดว่า ลักษณะที่เป็นรูปเป็นรูปไม่ใช่นาม หรือว่าลักษณะที่เป็นนาม ก็เป็นนาม ไม่ใช่รูป เพราะฉะนั้น ในขณะนั้นที่จะว่าไม่ใช่ตัวตนเป็นรูป มีลักษณะอย่างไรปรากฏให้ปัญญารู้ชัดว่าเป็นรูป ไม่ใช่ตัวตน
ถ. ในอิริยาบถบรรพ วิการรูปในอิริยาบถบรรพ ๔ ท่านแสดงไว้ สติปัฏฐานมีอิริยาบถ ๔ ท่านบอกปิดบังทุกข์ เราก็พิจารณาเหตุผลดู
สุ. ที่ยืน นั่ง นอน เดิน เคลื่อนไหว เหยียด คู้ พูด นิ่ง คิด ต้องมีรูปหลายๆ รูปประชุมรวมกันทำให้เป็นกลุ่มก้อน ทรงอยู่ ตั้งอยู่ในลักษณะหนึ่งลักษณะใด ถ้ายังประชุมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอยู่ตราบใด จะไม่หมดการยึดถือว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นวัตถุสิ่งของต่างๆ ต่อเมื่อได้กระจัดกระจายด้วยการที่ปัญญาเจริญขึ้น แยกรู้ชัดในสภาพของรูปที่มาประชุมรวมกันถึงจะประจักษ์ว่า แต่ละลักษณะนั้นไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...