การเจริญสติปัฏฐานไม่มีเข้าไม่มีออก เจริญได้ทุกหนทุกแห่ง

 
สารธรรม
วันที่  25 ก.ย. 2565
หมายเลข  44232
อ่าน  149

ถ. แต่ปัญหาของผมยังไม่จบ ปัญหาของผมเพิ่มขั้นทุกวันเลย คือ ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ที่บรรยายความเห็นเป็นทิฏฐุชุกรรม การปรับความเห็นให้ตรงกัน ยังมีข้อสงสัยว่า ทำได้ทุกหนทุกแห่ง ก็ไม่ค่อยจะเข้าหลักกับกายวิเวก สำรวมตาทำอย่างไร ทำได้ตลอดเวลานี่ก็สงสัย เพราะผู้ที่ทำได้ตลอดเวลาปัญญาต้องเลิศ ต้องเป็น อัครสาวิกาผู้ปัญญาเลิศ อีกอย่างหนึ่ง การสำรวมตาตลอดเวลาก็เป็นธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน อยู่ในหมวดอายตนะ ๑๒ เป็นสติปัฏฐานเหมือนกัน ซึ่งท่านจัดไว้เป็นประเภทที่ยากที่สุด

แล้วที่อาจารย์กล่าวว่า การออกไปทำวิปัสสนาเป็นอัตตา ก็สงสัยว่า ทำไมจึงเป็นอัตตา

การสำรวมตาทำอย่างไร สำรวมใจทำอย่างไร คงไม่เหมือนกัน อาจารย์เรียนพระไตรปิฎกมา อาจารย์ปฏิบัติมา เข้าใจว่าอาจารย์ก็จะต้องมีอาจารย์เหมือนกัน ถ้าอาจารย์ไม่มีอาจารย์ อาจารย์ก็เป็นสยัมภูรู้เอง ก็ยากเหมือนกันในยุคนี้ เพราะว่าเรามีข้อสงสัย เราก็ต้องถามอาจารย์ ถ้าไม่มีอาจารย์แล้วจะไปถามใคร ถ้าอาจารย์ถามในพระไตรปิฎก อาจารย์จะต้องตกที่นั่งว่าคนตาบอด ๔ คนคลำช้าง คลำไปเจออะไรก็เข้าใจว่าอย่างนั้น

สุ. ดิฉันกล่าวว่า การเจริญสติปัฏฐานถ้ามีเข้ามีออกแล้วไม่ใช่การเจริญ สติปัฏฐาน ได้ฟังอย่างนี้หรือไม่

ถ. ได้ฟังยิ่งกว่านั้นอีกครับ บอกว่าถ้าเตรียมตัวแล้วออกไปเป็นอัตตา ก็อัตตากันอยู่แล้ว จึงได้ทำสติปัฏฐาน

สุ. เพราะเหตุว่าการเจริญสติปัฏฐานไม่มีเข้าไม่มีออก เหตุผลคือ สติเป็นสภาพที่ระลึก ขณะนี้ระลึกได้ไหม ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เป็นสภาพธรรมที่ระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏว่า สภาพนั้นมีลักษณะเช่นนั้น ที่ไม่พึงยึดถือว่าเป็นตัวตน วันหนึ่งๆ ก็เคยคิด เคยนึก ถ้านึกถึงสิ่งใดที่เป็นอกุศล ไม่ใช่สติเจตสิก เพราะเหตุว่าสติเจตสิกเป็นโสภณธรรม เป็นคุณธรรม จะเกิดกับโสภณจิต ซึ่งถ้ายังไม่เคยฟังเรื่องของการเจริญสติปัฏฐาน จะไม่ระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เป็นแต่เพียงลักษณะของกาย ของเวทนา ของจิต ของธรรม ของนามธรรม ของรูปธรรม

เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่ได้ฟังเรื่องของการเจริญสติปัฏฐาน มีสติในขณะที่ให้ทาน ทำให้ระลึกเป็นไปในทาน มีสติในขณะที่รักษาศีล วิรัติทุจริตทางกาย ทางวาจา หรือว่ามีกายวาจาที่เหมาะที่ควร นั่นเป็นเรื่องของสติที่เป็นไปในศีล สำหรับบางท่านที่เห็นโทษของจิตใจที่ไม่สงบ รู้ว่าเป็นอกุศล ก็มีวิธีที่จะทำให้จิตสงบ ขณะนั้นสติระลึกเป็นไปในความสงบของจิต แต่ยังไม่ใช่สติปัฏฐาน

แต่เมื่อใดที่ได้ฟัง และเข้าใจเรื่องของการเจริญสติปัฏฐานแล้ว ทราบว่าสติเป็นนามธรรม เป็นสภาพที่ระลึกรู้ว่า ตลอดชีวิตที่ล่วงมาแล้ว ที่กำลังเป็นอยู่ และต่อไปในภพชาติข้างหน้าก็ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน มีแต่สภาพของนามธรรมและรูปธรรมที่เกิดแล้วจึงได้ปรากฏ เพราะมีเหตุปัจจัยทำให้เกิดขึ้น แล้วสภาพที่ปรากฏนั้นไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

เพราะฉะนั้น เมื่อมีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย มีใจ ซึ่งเป็นทางที่จะรู้ชัดใน ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงๆ สติก็ระลึกทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางจมูกบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางกายบ้าง ทางใจบ้าง ซึ่งไม่มีตัวตนไปบังคับ ไปมีกฎเกณฑ์ ไปคิดว่าขณะนั้นไม่ได้ หรือว่าขณะนี้ไม่ได้ ไปคิดว่าจะต้องเข้า สติจึงจะเกิด หรือคิดว่าเมื่อออกมาแล้วสติเกิดไม่ได้ นั่นไม่ใช่ความเข้าใจเรื่องของการเจริญสติปัฏฐาน


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 120


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ