เป็นผู้ที่เหมือนกับแถวของคนตาบอดคลำช้างไหม

 
สารธรรม
วันที่  27 ก.ย. 2565
หมายเลข  44252
อ่าน  158

พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้วในพระนครสาวัตถีนี้แล มีพระราชาพระองค์หนึ่ง ครั้งนั้นแล พระราชาพระองค์นั้นตรัสเรียกบุรุษคนหนึ่งมาสั่งว่า ดูกร บุรุษผู้เจริญ นี่แน่ะเธอ คนตาบอดในพระนครสาวัตถีมีประมาณเท่าใด ท่านจงบอกให้คนตาบอดเหล่านั้นทั้งหมดมาประชุมร่วมกัน บุรุษนั้นทูลรับพระราชดำรัสแล้ว พวกคนตาบอดในพระนครสาวัตถีทั้งหมดเข้าไปเฝ้าพระราชาถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้กราบบังคมทูลพระราชาพระองค์นั้นว่า ขอเดชะ พวกคนตาบอดในพระนครสาวัตถีมาประชุมกันแล้วพระพุทธเจ้าข้า พระราชาพระองค์นั้นตรัสว่า แน่ะ พะนาย ถ้าอย่างนั้นท่านจงแสดงช้างแก่พวกคนตาบอดเถิด

บุรุษนั้นทูลรับพระราชดำรัสแล้ว แสดงช้างแก่พวกคนตาบอด คือ แสดง ศีรษะช้างแก่คนตาบอดพวกหนึ่งว่า ช้างเป็นเช่นนี้ แสดงหูช้างแก่คนตาบอดพวกหนึ่งว่า ช้างเป็นเช่นนี้ แสดงงาช้างแก่คนตาบอดพวกหนึ่งว่า ช้างเป็นเช่นนี้ แสดงงวงช้าง แก่คนตาบอดพวกหนึ่งว่า ช้างเป็นเช่นนี้ แสดงตัวช้างแก่คนตาบอดพวกหนึ่งว่า ช้างเป็นเช่นนี้ แสดงเท้าช้างแก่คนตาบอดพวกหนึ่งว่า ช้างเป็นเช่นนี้ แสดงหลังช้างแก่คนตาบอดพวกหนึ่งว่า ช้างเป็นเช่นนี้ แสดงโคนหางช้างแก่คนตาบอดพวกหนึ่งว่า ช้างเป็นเช่นนี้ แสดงปลายหางช้าแก่คนตาบอดพวกหนึ่งว่า ช้างเป็นเช่นนี้

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้นแล บุรุษนั้น ครั้นแสดงช้างแก่บุรุษคนตาบอดแล้ว เข้าไปเฝ้าพระราชาพระองค์นั้นถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ขอเดชะ คนตาบอดเหล่านั้นเห็นช้างแล้วแล บัดนี้ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงสำคัญเวลาอันควรเถิดพระเจ้าข้า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้นแล พระราชาพระองค์นั้นเสด็จเข้าไปถึงที่คนตาบอดเหล่านั้น ครั้นแล้วได้ตรัสถามว่า ดูกร คนตาบอดทั้งหลาย พวกท่านได้เห็นช้างแล้วหรือ คนตาบอดเหล่านั้นกราบทูลว่า ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้เห็นแล้วพระเจ้าข้า

ซึ่งเมื่อพระเจ้าแผ่นดินได้ตรัสถามถึงลักษณะของช้าง คนตาบอดแต่ละพวกก็ได้ตอบตามความคิดเห็น คือ ตามส่วนของช้างซึ่งมีคนแสดงให้เฉพาะส่วนๆ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเป็นคนตาบอด ไม่มีจักษุ ย่อมไม่รู้จักประโยชน์ ไม่รู้จักความเสื่อมใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักสภาพมิใช่ธรรม

เมื่อไม่รู้จักประโยชน์ ไม่รู้จักความเสื่อมใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักสภาพมิใช่ธรรม ก็บาดหมางกัน ทะเลาะกัน วิวาทกัน

นี่เป็นข้อความโดยย่อ

พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

ได้ยินว่า สมณะพราหมณ์พวกหนึ่งย่อมข้องอยู่เพราะทิฏฐิทั้งหลายอันหาสาระ มิได้เหล่านี้ ชนทั้งหลายผู้เห็นโดยส่วนเดียว ถือผิดซึ่งทิฏฐินิสสัย ย่อมวิวาทกัน

นี่เป็นข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎก ในเรื่องของตาบอดคลำช้าง ซึ่งผู้ที่แสดงช้างก็แสดงกับคนตาบอดเป็นส่วนๆ คือ พวกหนึ่งก็แสดงส่วนหนึ่ง อีกพวกหนึ่งก็แสดงส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้แสดงตลอดหมด

พระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วด้วยดีทั้งพระวินัยปิฎก ทั้งพระสุตตันตปิฎก ทั้งพระอภิธรรมปิฎก เป็นศาสดาแทนพระองค์ ย่อมเกื้อกูลบุคคลผู้ศึกษา สอบทาน เทียบเคียง ประพฤติปฏิบัติตาม ให้เกิดความรู้ถูกต้องตามความเป็นจริง ถ้าผู้ใดศึกษาและเข้าใจธรรม เทียบเคียง สอบทานทั้ง ๓ ปิฎก ประพฤติปฏิบัติตาม ได้รู้สภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริง จะยังชื่อว่าผู้ที่ศึกษาธรรม เทียบเคียงธรรม เป็นผู้ที่เหมือนกับคนตาบอดคลำช้างได้ไหม

พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงมอบหมายให้บุคคลผู้หนึ่งผู้ใดเป็นศาสดาแทนพระองค์ เพราะเหตุว่าพระธรรมวินัยได้ทรงแสดงไว้แล้วด้วยดีเป็นศาสดาแทนพระองค์

พระสูตรนี้เพื่อที่จะให้ผู้ฟังได้พิจารณาสอบทานธรรมทั้ง ๓ ปิฎก ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นผู้ที่มีครูอาจารย์แล้ว ก็ไม่ใช่เหมือนแถวของคนตาบอดซึ่งเกาะตามๆ กันไป


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 121


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ