ต้องมีความเข้าใจในพยัญชนะ ฟังธรรม พิจารณาธรรม ถึงธรรม
เพราะฉะนั้น เมื่อพระธรรมวินัยได้ทรงแสดงอย่างนี้ ผู้ศึกษามีความรู้ มีความเข้าใจในธรรมก็ประพฤติปฏิบัติตาม สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์บุคคล เมื่อได้ศึกษาแล้ว ไม่ใช่เพียงผู้ฟังธรรม แต่เป็นผู้ประพฤติธรรมและเป็นผู้ถึงธรรม ซึ่งท่านจะต้องมีความเข้าใจในพยัญชนะทั้ง ๓ นี้ด้วย ฟังธรรม พิจารณาธรรม ถึงธรรม
ท่านฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงเรื่องจิต เรื่องเจตสิก เรื่องรูป เรื่องปรมัตถ์ธรรม เรื่องอนัตตา เรื่องสภาพธรรมทั้งหลาย ทุกขณะ ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย วนเวียนไปในวัฏฏะ ไม่พึงยึดถือว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลเลย มีของจริงที่มีลักษณะที่เป็นรูป มีลักษณะที่เป็นนามปรากฏให้รู้ นี่เป็นขั้นของการฟังธรรม
ส่วนขั้นของการพิจารณาธรรม ก็ต้องตรงกับขั้นของการฟังธรรมด้วย ไม่ใช่ว่าฟังอย่างหนึ่ง เข้าใจอย่างหนึ่ง แล้วประพฤติอีกอย่างหนึ่ง หรือว่าไม่ใช่พูดอย่างหนึ่ง กล่าวสอนอย่างหนึ่ง แต่เวลาประพฤติปฏิบัติ ปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง
สำหรับผู้ที่ถึงธรรมย่อมไม่มีข้อสงสัยว่า ขณะนี้อะไรเป็นนามอะไรเป็นรูป แต่ผู้ที่ไม่ถึงธรรม ขณะนี้เจริญสติปัฏฐานไม่ได้ ทั้งๆ ที่ทางตาก็มีนามมีรูป ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ทางหูมีนามมีรูป ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เป็นชีวิตของแต่ละคนที่ได้สะสมมาที่จะให้เกิดวิบากจิตทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจให้เกิดอกุศลจิต กุศลจิต ผู้ใดถึงธรรม ผู้นั้นจะไม่มีข้อสงสัยในธรรมเลย ไม่ว่าจะเป็นขณะใด และในสถานที่ใดด้วยเพราะเป็นผู้ที่เจริญสติระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมของรูปธรรมทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ซึ่งเป็นธรรม เมื่อพิจารณาธรรมมีความรู้มากขึ้น ทั่วขึ้น ก็จะไม่เห็นว่ามีสิ่งอื่นใดนอกจากสภาพธรรมที่เป็นนามเป็นรูปเท่านั้น นั่นคือ ผู้ที่ถึงธรรม
แต่ถ้าผู้ใดจะกล่าวว่า ถึงธรรม แต่ปฏิเสธว่า ขณะนี้เจริญสติปัฏฐานไม่ได้ ขณะนั้นไม่ใช่นามไม่ใช่รูป ขณะนี้ไม่สามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะของนามของรูปได้ ผู้นั้นไม่ถึงธรรม และไม่ได้ประพฤติตามธรรมที่ได้ฟังด้วย
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...