คำว่า มีธรรมอันเห็นแล้ว ดับแล้ว
ข้อความต่อไปมีว่า
คำว่า มีธรรมอันเห็นแล้ว ดับแล้ว
เวลาที่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ย่อมจะละคลายจนกระทั่งกิเลสดับเป็นสมุจเฉทได้ แต่ไม่ใช่หมายความว่าจะสามารถดับกิเลสกันได้โดยไม่รู้อะไร เพราะเหตุว่าท่านที่พากเพียรจดจ้อง ใช้ความเพียรจ้องที่นามนั้นนามเดียว รูปนั้นรูปเดียว หวังที่จะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไป ท่านไม่ทราบว่า นั่นเป็นลักษณะของความต้องการที่รอคอยผล เพราะว่าท่านพากเพียรทุกสิ่งทุกอย่างตามสั่ง ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจตามปกติ ท่านก็เฝ้าแต่รอว่า เมื่อไรญาณจะเกิด ขณะนี้จะเป็นญาณอะไร อีกสักครู่จะเป็นญาณนั้นญาณนี้ นั่นเป็นเรื่องที่เฝ้าแต่รอผล เพราะคิดว่า ท่านสามารถที่จะให้ผลเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ลักษณะของนามรูปตามปกติในชีวิตประจำวัน ข้อความนี้มีว่า
คำว่า มีธรรมอันเห็นแล้ว ดับแล้ว ความว่า มีธรรมอันเห็นแล้ว คือ มีธรรมอันรู้แล้ว มีธรรมอันเทียบเคียงแล้ว มีธรรมอันพิจารณาแล้ว มีธรรมอันแจ่มแจ้งแล้ว มีธรรมอันปรากฏแล้ว มีธรรมอันเห็นแล้ว มีธรรมอันปรากฏแล้วว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...