อุเบกขาสันติรณกุศลวิบาก อเหตุกสัตว์
ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์อาจมีปฏิสนธิได้แตกต่างกัน ๓ ประเภท ได้แก่ อุเบกขาสันติรณ กุศลวิบาก มหากุศลวิบากญาณวิปยุตต์ (ทวิเหตุ) และมหากุศลวิบากญาณสัมปยุตต์ (ติเหตุ) เหล่านี้ผมเข้าใจถูกใช่หรือไม่ครับ ขอคำอธิบายของคำศัพท์ว่า อุเบกขาสันติรณกุศลวิบาก ด้วยครับ
อีกประการหนึ่ง เทวดา ยังมีลักษณะของปฏิสนธิจิต เป็นไปในทำนองเดียวกับมนุษย์หรือไม่ครับ (คือมี ๓ แบบหรือไม่ครับ) และสัตว์ดิรัจฉานที่เรียกว่า อเหตุกสัตว์ มีความแตกต่างจากสัตว์ดิรัจฉานอื่นๆ อย่างไรครับ
การปฏิสนธิเป็นมนุษย์ และเทวดาชั้นต้น (จาตุมหาราชิกา) ปฏิสนธิด้วยจิตที่ต่างกันจำแนกเป็น ๓ ประเภทตามเหตุคือ กุศลกรรมที่ต่างกัน ถ้าเป็นผลของกุศลที่มีกำลังอ่อน เช่น มหากุศลดวงที่ ๘ ไม่ประกอบด้วยปัญญา มีเวทนาเป็นอุเบกขา เป็นสสังขาริก มหากุศลดวงนี้ให้ผลปฏิสนธิด้วยมหาวิบากดวงที่ ๘ แต่ถ้ามีกำลังอ่อนมาก ให้ผลปฏิสนธิเป็นอุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก เกิดเป็นมนุษย์พิการหรือเทวดาพิการ แต่ถ้ามหากุศลดวงที่ ๘ มีกำลัง นำเกิดเป็นทวิเหตุปฏิสนธิ เกิดพร้อมด้วยเหตุ ๒ ในภูมิมนุษย์และเทวดา ส่วนผลของมหากุศลญาณสัมปยุต ให้ปฏิสนธิเป็นติเหตุกบุคคล มีปัญญาเกิดร่วมด้วยในขณะเกิด สำหรับสัตว์ดิรัจฉานและสัตว์ในอบายภูมิ เกิดขึ้นเพราะผลของอกุศลกรรม ปฏิสนธิด้วยอุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบาก
อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 190
ส่วนสันตีรณจิตที่สหรคตด้วยอุเบกขาฝ่ายกุศลวิบาก ย่อมเป็นไปแก่พวกมนุษย์ พวกสัตว์ผู้บอดแต่กำเนิดเป็นต้น พวกเทวาผู้อาศัยอยู่บนภาคพื้น และพวกวินิปาติกาสูร ด้วยอำนาจแห่งปฏิสนธิ ภวังค์ และจุติ ในกามสุคติภพฯ
๑. อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก แปลว่า เป็นผลของกุศลอย่างอ่อน ทำให้เกิดมาเป็นคนพิการ บ้า ใบ้ บอด หนวก ฯลฯ
๒. มหาวิบากญาณวิปยุตต์ แปลว่า เป็นผลของกุศลที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ปฏิสนธิมี ๒ เหตุ คืออโลภเหตุ อโทสเหตุ
๓. มหาวิบากญาณสัมปยุตต์ แปลว่า เป็นผลของกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ปฏิสนธิมี ๓ เหตุ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ
๔. อุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบาก แปลว่า เป็นผลของอกุศลกรรม ทำให้เกิดใน อบายภูมิ ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน