ใครที่ปล่อยชีวิตให้เป็นอันตราย นั่นไม่ใช่ผู้ที่เจริญสติ
ใครที่ปล่อยชีวิตให้เป็นอันตราย นั่นไม่ใช่ผู้ที่เจริญสติ
เย็น ร้อน อ่อน แข็ง สี เสียง ซึ่งธรรมดาก็มีปรากฏ แต่ผู้ที่เจริญสติ แทนที่จะเป็นโลภมูลจิต โทสมูลจิต โมหมูลจิต สติก็เกิดขึ้น กั้นกระแสของโลภะ โทสะ โมหะ เพราะระลึกลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ
นี่เป็นความต่างกันของปุถุชนกับพระโสดาบันบุคคล หรือเป็นความต่างกันของผู้ที่ไม่ได้เจริญสติกับผู้ที่เจริญสติ ผู้ที่ไม่เจริญสติก็เดินไปพร้อมๆ กับผู้ที่เจริญสติ ผู้ที่ไม่เจริญสติไม่ได้ระลึกรู้ลักษณะของนามรูป โลภะ โทสะ โมหะเต็ม ไม่เข้าใจว่า ขณะนั้นสติก็เกิดได้ ระลึกลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏได้ แต่ผู้ที่เข้าใจ การเจริญสติปัฏฐานเดินไปด้วยกัน สติของผู้นั้นระลึกลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ หลบหลีกอันตรายเหมือนกัน แต่รู้ลักษณะว่า ขณะนั้นเป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรม
ดังนั้น ตลอดชีวิตในวันหนึ่งๆ ของผู้ที่เป็นพระโสดาบันบุคคล ไม่มีความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล และก่อนที่จะบรรลุเป็นพระอริยบุคคล เป็นพระโสดาบันบุคคล การเจริญสติไม่ว่าจะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจเป็นปกติ ไม่ใช่ว่าขณะที่หลบหลีกอันตรายเป็นตัวเป็นตนจึงจะหลบหลีกอันตรายได้ ถ้าโดยวิธีนี้จะไม่เป็นพระโสดาบันบุคคลได้เลย เพราะเหตุว่ายังรู้นามและรูปไม่ทั่ว แม้ในขณะที่หลบหลีกอันตรายก็ไม่รู้ว่า เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...