นิพพานไม่ใช่เหตุและไม่ใช่ผลอย่างไร?

 
หมาย
วันที่  6 ส.ค. 2550
หมายเลข  4460
อ่าน  4,238

นิพพานเป็นธรรมไม่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น แต่นิพพานรู้ได้ด้วยจิต และนิพพานก็ไม่ใช่จิต เจตสิก รูป เคยมีบางคนสงสัยว่านิพพานเกิดจากเหตุ คือมรรคจิต เพราะเมื่อมรรคจิตไม่เกิดนิพพานก็ไม่รู้ได้ แต่ก็ได้คำตอบจากหนังสือพุทธธรรม เปรียบเหมือนคนเดินทางไปเชียงใหม่ ถนนที่ทำให้ถึงเชียงใหม่คือมรรค เชียงใหม่เปรียบเหมือนนิพพาน เชียงใหม่ไม่ได้อาศัยถนนเกิด แต่เชียงใหม่มีอยู่แล้ว แม้ว่าจะไปเชียงใหม่หรือไม่ เชียงใหม่ก็มีอยู่แล้ว เหมือนนิพพานไม่ได้เกิดจากมรรคจิต

อาจจะมีคำถามว่า ถ้านิพพานไม่ได้อาศัยมรรคจิตเกิด นิพพานรู้ได้ด้วยจิด ถ้าไม่มีจิต ก็รู้นิพพานไม่ได้ สรุปว่านิพพานต้องอาศัยจิตจึงเกิดขึ้นรู้ได้หรือ และนิพพานก็ไม่เที่ยงหรือเพราะดับไปเมื่อมรรคจิต ผลจิตดับไป เราจะทำความเข้าใจข้อนี้อย่างไรครับ

สำหรับผมเข้าใจว่า นิพพานเป็นธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ใช่จิต เจตสิก รูป เป็นแต่เพียงจิต ผ่านญาณต่างๆ มาตามลำดับ โดยเห็นเป็นไตรลักษณ์ จิตจึงประกอบด้วยปัญญาเข้าใจสภาพธรรมถูกต้องตามความเป็นจริง และเห็นว่าสังขารธรรม (จิต เจตสิก รูป) ไม่มีสาระ ไม่มีอะไรจะจับฉวยถือเอาได้เลย เป็นแต่ธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้นแล้วดับเท่านั้น และในที่สุดปัญญาก็ทำหน้าที่จนถึงโคตรภูญาณ มรรคจิต ผลจิต ตามลำดับ และตอนที่นิพพานเป็นอารมณ์ของจิตในมรรคจิต ผลจิตนั้น เป็นแต่เพียงอารมณ์ของจิตให้จิตรู้ได้ว่ามีสภาพอย่างหนึ่งที่ต่างไปจากสังขารธรรม และเป็นสุขอย่างยิ่ง เพราะเข้าใจแจ่มแจ้งซึ่งสังขารธรรมทั้งปวงตามเป็นจริง และละสังโยชน์เบื้องต่ำ ๓ อย่างได้ จึงไม่ได้เกิดจากเหตุคือมรรคจิต แต่เป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่จิตรู้ เป็นอารมณ์ที่ไม่ใช่จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘ มีพุทธภาษิตที่ว่า นิพพานเป็นธรรมว่างอย่างยิ่ง (นิพพานัง ปรมัง สุญญัง) คือนิพพานเป็นธรรมที่เห็นว่าสังขารทั้งปวง คือจิต เจตสิก รูป ว่างจากแก่นสารสาระ ไม่มีแก่นสารสาระในตัวของมันเองเพราะอาศัยกันเกิดดับ ไม่เที่ยง แต่นิพพานเที่ยง เพราะเห็นว่าสังขารทั้งปวงย่อมเป็นอย่างนั้นแน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เพราะจิตรู้จริงแล้วตอนมรรคจิตและผลจิตเกิด อย่างนี้ชื่อว่าถูกต้องไหมครับ

ด้วยความเคารพยิ่ง

หมาย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 6 ส.ค. 2550

พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ปราศจากสังขาร วิสังขารธรรม

พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง อสังขตธรรม

พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิดขึ้น อนุปฺปาโท

พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่มีความเกิด อชาตํ

พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่แก่ อชรํ

พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่ตาย อมตํ

พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย อนิมิตตํ

พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่พ้นจากขันธ์ ขันธวิมุติ

พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อารมณ์ อนารัมมณ

พระนิพพานเป็นอารมณ์ของโลกุตตรจิต เมื่อโลกุตตรจิตเกิดขึ้นมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ แต่นิพพานไม่เกิด ไม่ต้องอาศัยจิต

แต่จิต เจตสิก (โลกุตระ) อาศัยพระนิพพานเกิดขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
study
วันที่ 6 ส.ค. 2550
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 6 ส.ค. 2550

ในวิสุทธิมรรค กล่าวว่า

"เพราะพระนิพพานเป็นคำสุขุมนัก เป็นธรรมที่ต้องเห็นด้วยอริยจักษุ เป็นธรรมอันบุคคลผู้เพียบพร้อมด้วยมรรค (เท่านั้น) จะพึงถึงได้"

นิพพานจึงมิใช่เรื่องของการเข้าใจ แต่อยู่ที่การเข้าถึง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 6 ส.ค. 2550

พระอนุรุทธาจารย์ ผู้รจนาคัมภีร์ อภิธรรมมัตถสังคหะ

ได้พรรณนาคุณของนิพพานว่า

ปทมจฺจุตฺ มจฺจนฺตํ อสงฺขตมนุตฺตรํ นิพฺพานมีติ ภาสนฺติ วานมุตฺตามเหสโย

"พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้พ้นแล้วจากตัณหาเครื่องร้อยรัด ทรงตรัสถึงสภาวธรรมชาติหนึ่งที่เข้าถึงได้

เป็นธรรมชาติที่ไม่จุติ พ้นจากขันธ์ ๕ ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัยใดๆ เลย หาสภาวะอื่นเปรียบเทียบไม่ได้ ว่าสภาวธรรมนั้นคือพระนิพพาน"

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
udomjit
วันที่ 6 ส.ค. 2550

อ่านข้อความที่ทุกท่านกรุณาช่วยกันอนุเคราะห์ post ได้แต่อุทาน กรุณามาก อ่านแล้วใจมันสว่าง

ขอบพระคุณ อยากจะพูดแสดงความรู้สึกมากกว่านี้ แต่ชาตินี้มีปัญญาอยู่แค่นี้เองค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ajarnkruo
วันที่ 6 ส.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 6 ส.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เรื่อง ที่ที่ไม่เคยไปแม้ในความฝัน

[เล่มที่ 66] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 645

นิพพานเป็นที่สิ้นตัณหา สำรอกกิเลส ดังนี้ เพราะฉะนั้น นิพพานจึงเรียกว่าทิศ. นิพพานท่านเรียกชื่อว่าทิศไม่เคยไป เพราะพาลปุถุชนไรๆ แม้แต่ฝันถึงก็ไม่เคย.

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 6 ส.ค. 2550
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 6 ส.ค. 2550

สุขอื่นยิ่งกว่าพระนิพพานไม่มีค่ะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
อิสระ
วันที่ 7 ส.ค. 2550

สาธุ ... ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
medulla
วันที่ 7 ส.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ruangsak
วันที่ 7 ส.ค. 2550

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
เทพทัย
วันที่ 8 ส.ค. 2550

ขออนุโมทนาสำหรับข้อธรรมอันประเสริฐนี้

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
หมาย
วันที่ 12 ส.ค. 2550

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
ไรท์แจกแล้วไง
วันที่ 18 ส.ค. 2550

จิรกาลภาวนา กว่าจะถึง ...

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
เทพทัย
วันที่ 9 มี.ค. 2551

ขออนุโมทนา

เป็นประโยชน์อย่างมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
suwit02
วันที่ 15 ก.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
เมตตา
วันที่ 15 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
pornpaon
วันที่ 16 ก.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
noynoi
วันที่ 19 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
เทพทัย
วันที่ 22 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนา

เป็นประโยชน์อย่างมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 24 ส.ค. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ