เจริญแล้วอย่างไร ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก

 
chatchai.k
วันที่  12 ต.ค. 2565
หมายเลข  44655
อ่าน  211

ขอกล่าวถึงใน สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค กิมิลสูตร

ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคประทับ ณ พระวิหารเวฬุวัน ใกล้เมืองกิมิลา พระผู้มีพระภาคตรัสเรื่องสมาธิอันสัมปยุตต์ด้วยอานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ซึ่งพระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า

ดูกร อานนท์ เปรียบเหมือนมีกองดินใหญ่อยู่ที่หนทางใหญ่ ๔ แพร่ง ถ้าเกวียนหรือรถผ่านมาในทิศบูรพา ก็ย่อมกระทบกองดินนั้น ถ้าผ่านมาในทิศประจิม ทิศอุดร ทิศทักษิณ ก็ย่อมกระทบกองดินนั้นเหมือนกัน ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ ย่อมจะกำจัดอกุศลธรรมอันลามกนั้นเสียได้

อรรถกถาสารัตถปกาสินี มีข้อความว่า

ในข้อนี้พึงเห็นอายตนะ ๖ ว่าเหมือนทางใหญ่ ๔ แพร่ง (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ได้เว้น) กิเลสทั้งหลายมาทางอายตนะทั้ง ๖ เหมือนกองดิน

เวลานี้กิเลสของใครจะกองใหญ่สักเท่าไรก็มาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

สติปัฏฐาน ๔ ที่เป็นไปในอารมณ์ทั้งหลาย ๔ เปรียบเหมือนเกวียนและรถที่มาจากทางทั้ง ๔ แพร่ง การกำจัดอกุศลบาปธรรมทั้งหลายด้วยกายานุปัสสนา เป็นต้น เหมือนเกวียนและรถนั้นเหยียบย่ำ กำจัด ทำลายกองดินนั้น พิจารณาเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม จึงจะทำลายกองดิน คือ กิเลสได้


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 157


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ