ผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำ
กราบเรียนสอบถามครับ
จิตที่แสดงออกทางกายหรือวาจา ที่ไม่ดีแก่ผู้อื่นยอมเป็นที่เป็น อกุศล ถูกต้องไม่ครับ
แต่ ผู้ที่ถูกกระทำ จากทางกายหรือวาจา นั้นคือผลของกรรม ที่เราได้เคยทำไว้ ผมเข้าใจอย่างถูกต้องไม่ครับ แต่สงสัยว่าถ้าอย่างนี้ ก็ต้อง วนไปไม่รู้จักจบ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรม ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง แต่ก็ค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ได้ จากประเด็นคำถาม ก็เป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งก็ไม่พ้นจากความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมเลย คนที่ทำอกุศล ทางกาย ทางวาจา เป็นอกุศลของผู้กระทำ เช่น ไปด่าว่า เบียดเบียน ประทุษร้ายคนอื่น เป็นต้น ขณะนั้น ก็เป็นอกุศลของเขา สะสมเหตุใหม่ที่ไม่ดีต่อไป แต่สำหรับผู้ถูกกระทำ ก็เป็นการได้รับผล (วิบาก) ของอกุศลกรรมที่ตนเองได้เคยกระทำแล้วในอดีต ซึ่งผลของอกุศลกรรมในชีวิตประจำวันก็ไม่พ้นจากการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย ที่ไม่ดีไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ
ยกตัวอย่าง กรณีที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถูกพระเทวทัตมุ่งปลงพระชนม์ โดยพระเทวทัตกลิ้งศิลาจากยอดเขาคิชฌกูฏ มุ่งที่จะปลงพระชนม์พระองค์ แต่ด้วยอานุภาพของพระองค์ ทำให้มียอดอื่นเขามารับศิลาก้อนนั้นไว้ ก้อนศิลาเกิดกระทบกัน ทำให้มีเพียงสะเก็ดศิลากระเด็นไปกระทบพระบาทของพระองค์ ทำให้ห้อพระโลหิต การกระทำอย่างนี้ของพระเทวทัต ก็เป็นอกุศลกรรมของพระเทวทัต ซึ่งเป็นกรรมที่หนักด้วย คือ เป็นอนันตริยกรรม และที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงได้รับวิบากอย่างนี้ ก็เป็นเพราะอกุศลกรรมของพระองค์ในอดีต ที่ได้ฆ่าน้องชายต่างมารดาเพราะเหตุแห่งทรัพย์ ตามข้อความในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๔๖๕ ดังนี้
เราได้ฆ่าน้องชายต่างมารดากัน เพราะเหตุแห่งทรัพย์ จับโยนลงในซอกเขาแล้วเอาหินทับถม ด้วยวิบากกรรมนั้น พระเทวทัตจึงกลิ้งหิน สะเก็ดหินจึงกลิ้งมากระทบนิ้วหัวแม่เท้าเรา
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...