ขณะที่กำลังทำงานจะเจริญสติปัฏฐานอย่างไร
ถ. เรากำลังพิจารณากาย เกิดเวทนาขึ้นมา ซัดส่ายแล้ว สักประเดี๋ยว จิตพลุ่งพล่าน พิจารณาจิตเกิดธรรม คิดในอารมณ์ขึ้นมาอีก กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เราภาวนานึกไป ใช่สติปัฏฐานไหม เดี๋ยวกาย เดี๋ยวเวทนา เดี๋ยวจิต เดี๋ยวธรรม จะทำอย่างไรไม่ให้ซัดส่าย หรือว่าไม่เป็นไร พิจารณาไปเรื่อย สมมติว่า กลิ่นหมดแล้ว ได้ยินเสียง ได้ยินเสียงหมดแล้ว พิจารณาไปอย่างนี้ หรือพิจารณาเท่าที่จะเกิดขึ้น
สุ. มีหลายท่านที่ถามว่า ขณะที่กำลังทำงานจะเจริญสติปัฏฐานอย่างไร คำถามนี้ไม่ถูก เพราะว่าการเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่บุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นตัวตนจะเจริญสติปัฏฐาน แต่เป็นสติ สภาพที่ระลึก เกิดขึ้นในขณะนั้นทันที ระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ไม่ใช่เป็นตัวตนที่จะเจริญสติปัฏฐาน อีกท่านหนึ่งถามว่า ขณะที่กำลังทำงาน ถ้าเราจะเจริญอิริยาบถบรรพ คำถามนั้นถูกหรือผิด ถ้าเราจะเจริญอิริยาบถบรรพ เลือกแล้ว ไม่ใช่เป็นการรู้ว่า สติเป็นสภาพที่ระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ใช่เป็นเราจะเจริญอิริยาบถบรรพ เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจสภาพของสัมมาสติ อย่างแข็งที่กำลังกระทบที่ส่วนหนึ่งส่วนใดแล้วปรากฏ สติระลึกตรงนั้น ขณะนั้นมีนามธรรมมีรูปธรรม แต่ว่าในตอนแรกเยื่อใยความเป็นตัวตนเหนียวแน่นหนาแน่นเหลือเกิน มีแต่ความไม่พอใจ มีแต่การคิดที่จะบังคับ มีแต่การคิดที่จะเลือกว่า จะทำอย่างไรให้จิตอยู่ที่เดียวไม่ไปที่ไหน
การเจริญสติปัฏฐานเป็นปกติ เมื่อสติระลึกรู้ลักษณะ ตรงลักษณะของสิ่งที่ปรากฏแล้วก็ดับ แล้วก็หลงลืมสติอีก เป็นของธรรมดาแน่นอนสำหรับปุถุชนผู้ที่มีปัจจัยให้หลงลืมสติ การหลงลืมสติก็มี แล้วสติก็ระลึกรู้ลักษณะ ตรงลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่โดยมากผู้ที่ยังไม่เข้าใจการเจริญสติปัฏฐาน มีความคิดแอบแฝงที่จะทำต่อไปอีก แม้ว่าสติระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏแล้ว ก็มีตัวตนจะทำต่อไปอีก เช่น จะให้สติระลึกนานๆ บ้าง หรือให้ระลึกตรงนั้นตรงนี้บ้าง แต่แท้ที่จริงแล้ว เวลาที่สติระลึกตรงลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ พิจารณารู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทีละเล็กทีละน้อยเท่านั้นเอง แต่โดยมากจะไปบังคับ ไม่พอใจแล้วใช่ไหม เดี๋ยวจิตเป็นอย่างนี้เกิดขึ้น เดี๋ยวจิตเป็นอย่างนั้นเกิดขึ้น ซึ่งโดยลักษณะที่ไม่เป็นปกติอย่างนั้นก็ยิ่งวุ่น ไม่มีความพอใจ กลายเป็นสติซัดส่าย สติไม่ระลึกอยู่ตรงนั้นที่เดียว ตรงนี้ที่เดียว นั่นเป็นการพยายามที่จะไปจัดสรรสติให้เป็นอย่างนั้น ให้เป็นอย่างนี้ แต่ความจริงเป็นการระลึกจนทั่วจนละเอียดจริงๆ แต่ในขั้นแรกความรู้จะยังไม่ชัด จึงต้องอาศัยการเจริญสติเนืองๆ บ่อยๆ
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...