ผู้ที่ไปสู่สำนักปฏิบัติแล้วกล่าวว่า ท่านอยู่ข้างนอกรู้ไม่ชัด
โดยมากผู้ที่ไปสู่สำนักปฏิบัติแล้วกล่าวว่า ท่านอยู่ข้างนอกรู้ไม่ชัด ท่านต้องไปนั่งจนเมื่อย แล้วท่านก็รู้เมื่อย แต่ว่าปกติเมื่อย ปวดเจ็บในชีวิตประจำวันเป็นของจริง สติไม่ระลึก แล้วก็บอกว่าระลึกไม่ได้ รู้ไม่ได้ อย่างนี้จะทำให้เป็นปัญญาที่ถูกต้องแล้วละคลายการยึดถือนามรูปว่าเป็นตัวตนได้ไหม
อีกอย่างหนึ่ง ท่านบอกว่า การที่ไปสู่สำนักปฏิบัติได้รู้ทุกข์ คือ นั่งแล้วเมื่อยแล้วก็รู้ แต่ปกตินั่งเมื่อย ไม่รู้ หรือยืน เดิน เมื่อยธรรมดา ไม่รู้ แต่ไปรู้เวลาที่อยู่สำนักปฏิบัติ ท่านคิดว่า ท่านรู้ทุกข์ รู้ปัจจัย รู้ว่ารูปนั่งเป็นปัจจัยให้เกิดความเมื่อยขึ้น
สังขารธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ปัญญาของผู้ที่เจริญสติรู้ปัจจัยของสังขารธรรมทั้งหลายที่เกิดแล้วตามความเป็นจริง ขณะนี้เห็นมีแล้ว เกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย ได้ยินกำลังมี เกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย
ผู้ที่เจริญสติปัฏฐานมีความรู้เพิ่มขึ้นจากนามรูปปริจเฉทญาณที่รู้ชัดในความเป็นอนัตตาของนามธาตุ ของรูปธาตุ แต่ละอย่างตามความเป็นจริงแล้ว ซึ่งนั่นเป็นแต่เพียงปัญญาขั้นต้น เพราะเหตุว่ายังไม่ประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไปของนามและรูป และที่ยังไม่ประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไปของนามและรูปที่เป็น อุทยัพพยญาณ เพราะสัมมสนญาณยังไม่เกิด ที่สัมมสนญาณยังไม่เกิด ก็เพราะปัจจยปริคคหญาณยังไม่เกิด
ญาณที่รู้ปัจจัยไม่ใช่รู้แต่เพียงว่า นั่งเมื่อย รูปนั่งเป็นปัจจัยให้เกิดเมื่อย แต่ปัจจัยของนามและรูปที่ทำให้นามและรูปเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเดี๋ยวนี้และต่อไป ไม่รู้
กำลังเห็นเป็นสภาวธรรม เกิดแล้วเพราะมีเหตุปัจจัย ไม่รู้
กำลังได้ยิน เกิดแล้วเพราะมีเหตุปัจจัย ไม่รู้
คิดนึก เกิดแล้วเพราะมีเหตุปัจจัย ไม่รู้
ไปรู้เพียงว่านั่งเมื่อย รูปนั่งเป็นปัจจัยให้เมื่อย นั่นไม่ใช่การพิจารณานามและรูปจนทั่วจนชินในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งนามและรูปเสมอกันหมด ซึ่งการรู้ชัดในลักษณะของนามและรูปทรงแสดงไว้โดยละเอียดทีเดียว
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...