ทานที่ให้ผู้ที่ละองค์ ๕ ได้แล้ว และผู้ที่ประกอบด้วยองค์ ๕
ขอกล่าวถึงเรื่องทาน ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค อิสสัตถสูตร ข้อ ๔๑๕ ที่พระผู้มีพระภาคตรัสกับพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า
ดูกร มหาบพิตร ทานพึงให้ในที่ไหน นั่นเป็นข้อหนึ่ง และทานที่ให้แล้วในที่ไหนจึงมีผลมาก นั่นเป็นอีกข้อหนึ่ง
ดูกร มหาบพิตร ทานที่ให้แล้วแก่ผู้มีศีลแล มีผลมาก ทานที่ให้แล้วในผู้ทุศีล หามีผลมากไม่
ซึ่งข้อความใน อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ชัปปสูตร มีข้อความคล้ายคลึงกัน แต่มีข้อความอธิบายพระพุทธดำรัสที่ว่า
ทานที่ให้แล้วในผู้มีศีลนั้น คือ ผู้ที่ละองค์ ๕ ได้แล้ว และประกอบด้วยองค์ ๕
สำหรับที่ละองค์ ๕ นั้น คือ ละกามฉันทะ ละพยาปาท ละถีนมิทธะ ละอุทธัจจกุกกุจจะ ละวิจิกิจฉา ซึ่งได้แก่ นิวรณธรรม นั่นเอง มีกามฉันทนิวรณ์ พยาปาทนิวรณ์ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ และวิจิกิจฉานิวรณ์
ผู้ที่จะละนิวรณ์ทั้ง ๕ ได้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉท ไม่ใช่ละด้วยการเจริญสมถภาวนา เพราะเหตุว่าการเจริญสมถภาวนาเป็นการระงับไว้เพียงชั่วคราว แต่ผู้ที่จะดับนิวรณ์ทั้ง ๕ ได้หมดสิ้น ผู้นั้นต้องเป็นพระอรหันต์ ซึ่งไม่มีกามฉันทะ ไม่มีพยาปาท ไม่มีถีนมิทธะ ไม่มีอุทธัจจกุกกุจจะ และไม่มีวิจิกิจฉาด้วย
ผู้ที่ประกอบด้วยองค์ ๕ ประการ คือ
พระอรหันต์นั้นประกอบด้วยศีลขันธ์ที่เป็นของพระอเสกขะ ๑
ประกอบด้วยสมาธิขันธ์ที่เป็นของพระอเสกขะ ๑
ประกอบด้วยปัญญาขันธ์ที่เป็นของพระอเสกขะ ๑
ประกอบด้วยวิมุตติขันธ์ที่เป็นของพระอเสกขะ ๑
ประกอบด้วยวิมุตติญาณทัสสนะขันธ์ที่เป็นของพระอเสกขะ๑
ข้อความมีว่า
ทานที่ให้ในท่านที่ละองค์ ๕ ได้ ประกอบด้วยองค์ ๕ อันกล่าวมาแล้วนั้น มีผลมาก
ซึ่งทำให้ท่านผู้ฟังใคร่ที่จะทราบว่า ผู้ใดเป็นพระอรหันต์ เพื่อว่าทานของท่านนั้นจะได้เป็นทานที่มีผลมาก แต่อย่าลืมว่า ธรรมต้องสอดคล้องกันทั้งหมด ถ้าจิตใจของท่านมีความปรารถนาหวังในผลมากเกิดขึ้น มีความผูกพันในผลมากที่จะเกิดขึ้น ในขณะนั้นจิตก็ไม่บริสุทธิ์
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...