ถ้าไม่รู้แจ้งทั้ง ๖ ทาง ไม่สามารถที่จะเป็นพระอริยบุคคลได้

 
chatchai.k
วันที่  21 ต.ค. 2565
หมายเลข  44839
อ่าน  151

ขออ่านจดหมายที่เป็นคำถามจากท่านผู้ฟัง จากสำนักสอนพระอภิธรรม วัดป่าธรรมโสภณ จังหวัดลพบุรี เพื่อความแจ่มแจ้งของท่านผู้ฟัง เพราะเหตุว่าเป็นตอนที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ ข้อความบางตอนมีว่า

เรื่องการเจริญสมถะ แล้วยกขึ้นพิจารณาเป็นวิปัสสนา ตามปริยัติธรรมสอนว่า ผู้ที่เจริญสมถะแล้วพิจารณาองค์ฌานนั้นๆ โดยความเป็นรูปนาม ดิฉันสงสัยว่า มิเป็นการพิจารณาธัมมารมณ์ที่เกิดทางมโนทวารทางเดียวเท่านั้น มิได้พิจารณาอารมณ์ทางทวาร ๕ ด้วย จะถือว่าเป็นการรู้รอบ รู้ทั่วทุกทวารแล้วได้ไหม ตามปริยัติสอนว่า ผู้ที่จะได้มรรคผลครั้งแรก นอกจากพุทธะทั้ง ๒ แล้ว (คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑) ต้องได้รับฟังคำแนะนำสั่งสอนเสียก่อน แปลว่า ต้องมีหูไว้ฟัง เมื่อมีหู ก็ต้องมีรูปขันธ์ เมื่อมีรูปขันธ์ อิริยาบถใหญ่ ๔ ก็ต้องมีเป็นปกติตลอดวัน ไม่อิริยาบถใด ก็อิริยาบถหนึ่ง จึงควรเจริญสติ ไม่ว่าอารมณ์นั้นจะมาทางทวารใด ในขณะที่อยู่ในอิริยาบถใดก็ได้ เพราะกิเลสที่จะละ คือ กิเลสที่เกิดตามทวารทั้ง ๖ นั่นเอง หาได้เกิดที่อิริยาบถไม่ คือ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ทวารทั้ง ๖ ก็รับอารมณ์ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องเลือกอิริยาบถนั้นอิริยาบถนี้

ดิฉันเข้าใจเช่นนี้ จะถูกผิดอย่างไร อาจารย์โปรดแก้ไขด้วย

สุ. นี่เป็นข้อสงสัยของท่านผู้ฟังที่ได้ฟังว่า ผู้ที่เจริญสมถะแล้วพิจารณาองค์ฌานโดยความเป็นนามรูป สงสัยว่า มิเป็นการพิจารณาธัมมารมณ์ที่เกิดทางมโนทวารทางเดียวเท่านั้น มิได้พิจารณาอารมณ์ทางทวาร ๕ ด้วย จะถือว่าเป็นการรู้รอบ รู้ทั่วทุกทวารแล้วได้ไหม

ไม่ได้ แม้ว่าผู้ใดจะเคยเจริญสมถภาวนามาแล้วก็ตาม แต่ต้องเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติ ถ้าเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติแล้ว ทางตากำลังเห็น ไม่เจริญสติได้ไหม ทางหูกำลังได้ยิน ไม่เจริญสติได้ไหม ทางจมูกกลิ่นกำลังปรากฏ ไม่เจริญสติได้ไหม กำลังรับประทานอาหาร รสปรากฏ ไม่เจริญสติได้ไหม กำลังเย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่ง ตึง ไหวปรากฏ ไม่เจริญสติได้ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น เป็นผู้หลงลืมสติ ไม่ใช่ผู้เจริญสติแน่นอน

เพราะฉะนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้นามรูปทางมโนทวาร เป็นธัมมารมณ์เท่านั้น แล้วก็จะหมดกิเลสได้ เป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่รู้แจ้งทั้ง ๖ ทาง ถ้าไม่รู้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายด้วย จะรู้แต่เฉพาะธัมมารมณ์ทางมโนทวาร ไม่สามารถที่จะเป็นพระอริยบุคคลได้

ขอให้พิจารณาถึงชีวิตตามความเป็นจริง เป็นไปได้ไหมที่จะมีฌานจิตเกิดตลอด โดยไม่มีการเห็น ไม่มีการได้ยิน ไม่มีการรู้กลิ่น ไม่มีการรู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ไม่มีคิดนึก สุขทุกข์ใดๆ เลย เป็นไปไม่ได้เลย เมื่อเป็นไปไม่ได้ และสติไม่ได้ระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปที่ปรากฏตามความเป็นจริง จะละอะไรได้ รู้นิดรู้หน่อย ละคลายไม่ได้แน่นอน


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 179


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ