ถวายทานแก่สงฆ์มีผลมากกว่าปาฏิบุคคลิกทาน ถึงแม้จะมีแต่ภิกษุโคตรภู -182
ข้อความต่อไป
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร อานนท์ ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู มีผ้ากาสาวะพันที่คอ เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น
ดูกร อานนท์ ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ แม้ในเวลานั้น เราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิบุคคลิกทานว่า มีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ โดยปริยายไรๆ เลย
ทรงแสดงไว้ว่า การถวายทานแก่สงฆ์มีผลมากกว่าปาฏิบุคคลิกทาน ถึงแม้ว่าในกาลอนาคตจะมีแต่ภิกษุโคตรภู สำหรับผู้ที่เป็นภิกษุโคตรภูนั้น ก็เป็นผู้ที่มีผ้ากาสาวะพันที่คอ เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก
ที่ว่าเป็น โคตรภูภิกขุ เพราะเหตุว่าเพียงแต่มีชื่อว่าเป็นสมณะเท่านั้น เหลือแต่ชื่อ คือ โคตรเท่านั้นเองว่าเป็นภิกษุ แต่ความจริงเป็นผู้ที่ทุศีล มีครอบครัว ประกอบการงานอาชีพได้ และเครื่องหมายที่ยังเหลืออยู่ ที่แสดงว่า ชื่อว่าเป็นภิกษุนั้น ก็โดยที่มีเพียงผ้ากาสาวะพันคอ
สำหรับผ้ากาสาวะนั้น ก็เป็นผ้าย้อมน้ำฝาด ซึ่งสีก็แล้วแต่น้ำที่ย้อมว่ามาจากพืชชนิดใด สำหรับการย้อมน้ำฝาดนั้นก็มีประโยชน์ คือ รักษาเนื้อผ้าให้ทนและกำจัดกลิ่นด้วย ได้ทราบว่าสำหรับพระภิกษุในประเทศไทยนั้นนิยมใช้แก่นขนุน ซึ่งก็คงจะเป็นในสมัยก่อน
เพราะฉะนั้น ข้อความสำคัญอยู่ที่ว่า ถึงแม้ว่าในอนาคตกาลจักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภูซึ่งเป็นผู้ที่ทุศีล มีธรรมลามก แต่คนทั้งหลายก็จักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ แม้ในเวลานั้น เราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ แต่เราไม่กล่าวปาฏิบุคคลิกทานว่า มีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ โดยปริยายไรๆ เลย
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...