ถวายทานเพียงเล็กน้อย อย่างไรจึงมาได้ผลอย่างวิเศษไพบูลย์

 
chatchai.k
วันที่  24 ต.ค. 2565
หมายเลข  44875
อ่าน  237

ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ทัททัลลวิมาน มีข้อความว่า

ในดาวดึงส์เทวโลกซึ่งภัททาเทพธิดาผู้พี่สาว ได้พบกับสุภัททาเทพธิดาผู้น้องสาว แต่ไม่ทราบไม่รู้จักว่าเป็นน้องในชาติก่อนที่เป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้น ก็ถามว่า

ท่านรุ่งเรืองด้วยรัศมี ทั้งเป็นผู้เรืองยศ ย่อมรุ่งโรจน์ล่วงเทพเจ้าชาวดาวดึงส์ทั้งหมดด้วยรัศมี ดิฉันไม่เคยเห็นท่าน เพิ่งจะมาเห็นในวันนี้เป็นครั้งแรก ท่านมาจากเทวโลกชั้นไหน จึงมาเรียกดิฉันโดยชื่อเดิมว่า ทัททา ดังนี้เล่า

สุภัททาเทพธิดา ผู้น้องสาวตอบว่า

ข้าแต่พี่ภัททา ฉันชื่อว่า สุภัททา ในภพก่อนครั้งยังเป็นมนุษย์อยู่ ดิฉันได้เป็นน้องสาวของพี่ ทั้งได้เคยเป็นภริยาร่วมสามีเดียวกันกับพี่มาด้วย ดิฉันตายจากมนุษย์โลกนั้นมาแล้ว ได้มาเกิดเป็นเทพธิดาประจำสวรรค์ชั้นนิมมานรดี

สวรรค์มี ๖ ชั้น คือ ชั้นจาตุมหาราชิกา ๑ ชั้นดาวดึงส์ ๑ ชั้นยามา ๑ ชั้นดุสิต ๑ ชั้นนิมมานรดี ๑ ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ๑

เทพธิดาทั้ง ๒ กำลังสนทนากันในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่ว่าสุภัททาเทพธิดานั้น เป็นเทพธิดาประจำสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ซึ่งสูงกว่าชั้นดาวดึงส์ แต่ผู้ที่อยู่ในสวรรค์ชั้นสูงกว่าย่อมมาสู่สวรรค์ชั้นต่ำกว่าได้

ภัททาเทพธิดาจึงถามต่อไปอีกว่า

ดูกร สุภัททา ขอเธอได้บอกการอุบัติของเธอในหมู่เทพเจ้าเหล่านิมานรดี ซึ่งเป็นที่ๆ สัตว์ได้สั่งสมบุญกุศลไว้มากแล้วจึงได้มาเกิด เธอได้มาเกิดในที่นี้เพราะทำบุญกุศลสิ่งใดไว้ และใครเป็นครูผู้แนะนำสั่งสอนเธอ เธอเป็นผู้เรืองยศ บรรลุถึงความเป็นผู้เรืองยศ และถึงความสุขพิเศษไพบูลย์ถึงเช่นนี้ เพราะได้ให้ทาน และรักษาศีลเช่นไรไว้ ดูกร เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร โปรดตอบฉันด้วย

สุภัททาเทพธิดาตอบว่า

เมื่อชาติก่อน ดิฉันมีใจเลื่อมใส ได้ถวายบิณฑบาตแก่สงฆ์ ผู้เป็นทักขิเณยยบุคคล ๘ รูป ด้วยมือของตน เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ เป็นต้น และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น

เพราะได้ถวายทานแก่ผู้ที่เป็นทักขิเณยยบุคคล คือ พระอริยบุคคล

ภัททาเทพธิดาได้ถามต่อไปอีกว่า

พี่ได้เลี้ยงดูภิกษุทั้งหลายผู้สำรวมดี ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวและน้ำ ด้วยมือของตนเองมากกว่าเธอ ครั้นให้ทานมากกว่าเธอแล้วก็ยังได้บังเกิดในเหล่าเทพเจ้าต่ำกว่าเธอ ส่วนเธอได้ถวายทานเพียงเล็กน้อย อย่างไรจึงมาได้ผลอย่างวิเศษไพบูลย์ถึงเช่นนี้เล่า แน่ะ เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร โปรดตอบฉันด้วย

สุภัททาเทพธิดาตอบว่า

เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้เห็นพระภิกษุผู้อบรมทางจิตใจ เพื่อคุณอันยิ่งใหญ่ จึงได้นิมนต์ท่านรวม ๘ รูปด้วยกัน มีท่านพระเรวตะเป็นประธานด้วยภัตตาหาร ท่านพระ เรวตะนั้นมุ่งจะให้เกิดประโยชน์อนุเคราะห์แก่ดิฉัน จึงบอกดิฉันว่า จงถวายสงฆ์เถิด

ดิฉันได้ทำตามคำของท่าน ทักขิณาของดิฉันนั้นจึงเป็นสังฆทาน ดิฉันให้เข้าไปตั้งไว้ในสงฆ์ เป็นทานที่ไม่อาจปริมาณผลได้ว่า มีอยู่เท่าไร ส่วนทานที่พี่ได้ถวายแก่ภิกษุด้วยความเลื่อมใสเป็นรายบุคคล จึงมีผลไม่มาก

ภัททาเทพธิดาเมื่อจะรับรองความข้อนั้นจึงกล่าวว่า

พี่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า การถวายสังฆทานนี้มีผลมาก ถ้าว่าพี่ได้ไปบังเกิดเป็นมนุษย์อีก จักเป็นผู้รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ ถวายสังฆทาน และไม่ประมาทเป็นนิจ

ซึ่งเมื่อสนทนากันแล้ว สุภัททาเทพธิดาก็ได้กลับสู่ทิพยวิมานของตนบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ท้าวสักกเทวราช คือ พระอินทร์ได้ทรงสดับการสนทนานั้น เมื่อสุภัททาเทพธิดากลับไปแล้ว จึงตรัสถามภัททาเทพธิดาว่า

ดูกร ภัททา เทพธิดาผู้นั้นเป็นใคร มาสนทนาอยู่กับเธอ ย่อมรุ่งโรจน์กว่า เทพเจ้าเหล่าดาวดึงส์ทั้งหลายด้วยรัศมี

ภัททาเทพธิดา เมื่อจะบรรยายข้อที่สังฆทานของเทพธิดาผู้น้องสาวนั้นว่า มีผลมาก จึงทูลว่า

ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ เทพธิดาผู้นั้นเมื่อชาติก่อนยังเป็นมนุษย์ อยู่ในมนุษย์โลก เป็นน้องสาวของหม่อมฉัน แล้วยังได้เคยร่วมสามีเดียวกันกับหม่อมฉันด้วย เธอสั่งสมบุญกุศล คือ ถวายสังฆทาน จึงได้ไพโรจน์ถึงอย่างนี้

ข้อความตามพระไตรปิฎกมีว่า

สมเด็จอัมรินทราธิราช เมื่อจะทรงสรรเสริญสังฆทาน จึงตรัสว่า

ดูกร ภัททา น้องสาวของเธอไพโรจน์กว่าเธอ ก็เพราะเหตุในปางก่อน คือ การถวายสังฆทานที่ไม่อาจจะปริมาณผลได้ อันที่จริงฉันได้ทูลถามพระพุทธเจ้า ครั้งประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ถึงผลแห่งไทยธรรมที่ได้จัดแจงถวายในเขตที่มีผลมากของมนุษย์ทั้งหลาย ผู้มุ่งบุญให้ทานอยู่ หรือทำบุญปรารภเหตุแห่งการเวียนเกิดเวียนตาย จะถวายในบุคคลประเภทใด จึงจะมีผลมาก

พระพุทธเจ้าตรัสตอบข้อความนั้นแก่ฉันอย่างแจ่มแจ้งว่า

ท่านผู้ปฏิบัติเพื่ออริยมรรค ๔ จำพวก และท่านผู้ตั้งอยู่ในอริยผล ๔ จำพวก พระอริยบุคคล ๘ จำพวกนี้ ชื่อว่าสงฆ์ เป็นผู้ปฏิบัติตรง ดำรงมั่นอยู่ในปัญญาและศีล เมื่อมนุษย์ทั้งหลายผู้มุ่งบุญถวายทานให้ท่านเหล่านี้ หรือทำบุญปรารภเหตุแห่งการเวียนเกิดเวียนตาย ทานที่ถวายในสงฆ์ย่อมมีผลมาก พระสงฆ์นี้เป็นผู้มีคุณความดีอันยิ่งใหญ่ ยังผลให้เกิดแก่ผู้ถวายทานในท่านอย่างไพบูลย์ ยากที่ใครจะปริมาณว่า เท่านี้ๆ ได้ เหมือนทะเลยากที่จะคาดคะเนได้ว่ามีน้ำเท่านี้ๆ ได้ ฉะนั้น พระสงฆ์เหล่านั้นแล เป็นผู้ประเสริฐสุด เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ผู้มีความเพียรเป็นเยี่ยมในหมู่นรชน เป็นแหล่งสร้างแสงสว่าง คือ ญาณของชาวโลก ได้แก่ นำเอาแสงสว่าง คือพระสัทธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้แล้วมาชี้แจง ปวงชนผู้ใคร่ต่อบุญเหล่าใดถวายทานมุ่งตรงต่อสงฆ์ ทักขิณาของเขาเหล่านั้นชื่อว่า เป็นทักขิณาที่ถวายดีแล้ว เป็นยัญวิธีที่เซ่นสรวงถูกต้อง จัดเป็นบูชากรรมที่บูชาแล้วชอบ เพราะทักขิณานั้นจัดเป็นสังฆทาน มีผลมาก อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลกทรงสรรเสริญ ชนเหล่าใดยังท่องเที่ยวอยู่ในโลก มาหวนระลึกถึงบุญเช่นนี้ได้ เกิดปีติโสมนัส ก็จะกำจัดมลทิน คือ ความตระหนี่ พร้อมทั้งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความลังเลในใจ การตีตนเสมอท่าน อันเป็นมูลฐานเสียได้ ทั้งจะไม่เป็นผู้ถูกผู้รู้ติเตียน แต่นั้นก็จะเข้าถึงสถานที่ที่เป็นแดนสวรรค์

เรื่องสังฆทานคงจะชัดเจนแล้ว ถ้าไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ความบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสก็มีไม่ได้ แต่ที่พระสัทธรรมจะดำรงอยู่ และยังมีผู้ที่มีโอกาสที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมต่อไปอีก ก็เพราะพระอริยเจ้าที่ท่านได้รู้แจ้งอริยสัจธรรมแล้ว ท่านดำรงพระสัทธรรมนั้นสืบต่อๆ กันไป


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 183


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ