พระผู้มีพระภาคเป็นโชติปาลมานพ (189)
ตอนจบของพระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสกับท่านพระอานนท์ว่า
ดูกร อานนท์ เธอจะพึงมีความคิดเห็นว่า สมัยนั้น คนอื่นได้เป็นโชติปาลมานพแน่นอน แต่ข้อนั้นเธอไม่ควรเห็นอย่างนั้น สมัยนั้นเราได้เป็นโชติปาลมานพ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระอานนท์ยินดี ชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว ดังนี้แล
ทำไมท่านพระอานนท์ยินดีชื่นชมพระภาษิต ท่านผู้ฟังบางท่านไม่ค่อยจะชื่นชมยินดีกับพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค บางท่านไม่ชอบฟังพระสูตร อยากจะศึกษาแต่พระอภิธรรมเท่านั้น พระสูตรเป็นพุทธพจน์หรือไม่ และผู้ที่เป็นพระพุทธสาวกในครั้งนั้น เมื่อฟังแล้ว ชื่นชมยินดี แต่ทำไมบางท่านสมัยนี้ไม่ชื่นชมยินดี ไม่ยินดีที่จะฟัง พระพุทธพจน์ พระธรรมจากพระโอษฐ์ เพราะไม่เห็นคุณค่าก็เป็นได้
พระผู้มีพระภาคตรัสให้เจริญสติปัฏฐานเนืองๆ บ่อยๆ เพื่อปัญญาจะได้รู้สภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้ ชื่นชมยินดีไหม แล้วทำไมพระผู้มีพระภาคตรัสเล่าเรื่องฆฏิการะช่างหม้อให้ท่านพระอานนท์ฟัง ซึ่งเมื่อท่านพระอานนท์ฟังแล้ว ก็ชื่นชมยินดีในพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค
เรื่องชีวิตในอดีต เรื่องการบำเพ็ญเพียร เรื่องการบรรลุมรรคผลของแม้บุคคลซึ่งเป็นช่างหม้อ ทำให้เกิดปีติโสมนัสเห็นผลของพระธรรม เห็นผลของการปฏิบัติธรรม ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ใด ซึ่งชีวิตจริงๆ ของท่านพระอานนท์ในขณะที่ได้ฟังเรื่องของ ฆฏิการะช่างหม้อ ในขณะนั้นท่านเจริญสติได้ ท่านจะบรรลุมรรคผลในขณะนั้นก็ได้ หรือแม้บุคคลอื่นจะได้ฟัง สติระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏ รู้ชัด และก็บรรลุมรรคผลในขณะนั้นได้ เพราะเหตุว่าขณะนั้นเป็นชีวิตจริงๆ
เพราะฉะนั้น ทุกท่านที่เจริญสติปัฏฐานอย่าข้ามที่จะรู้ชีวิตจริงๆ กำลังฟังเรื่องอะไร เป็นชีวิตจริงในขณะนั้น เป็นสัจธรรม เป็นนามธรรม เป็นรูปธรรมที่สติระลึก และรู้ชัดในสภาพธรรมตามความเป็นจริง เพราะเหตุว่าการรู้ชัดสภาพธรรมตามความเป็นจริงนั้น ต้องรู้สัจธรรม คือ สิ่งที่เกิดแล้วปรากฏตามความเป็นจริงในขณะนี้
สำหรับเรื่องของฆฏิการะช่างหม้อกับโชติปาลมานพ ซึ่งท่านผู้หนึ่งได้บรรลุความเป็นพระอนาคมีบุคคล แต่อีกท่านหนึ่งปรารถนาความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ชีวิตของท่านทั้งสองจะได้พบกันอีกไหมในวัฏฏะที่ยืดยาว ทุกท่านก็มานั่งพบกันในที่นี้ แต่ว่าในอดีตกาล ครั้งสมัยพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กัสสปะ ทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงพระนามต่างๆ นั้น ก็ไม่ทราบว่าเคยพบปะกันมาหรือเปล่า แต่ในขณะนี้ก็พบกันอีก ต่อไปข้างหน้าก็มืดอีก ไม่มีใครทราบว่า จะได้พบกันอีกหรือเปล่า
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...