รักใครที่สุด?

 
wittawat
วันที่  8 พ.ย. 2565
หมายเลข  45071
อ่าน  462

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

รักใครที่สุด?

ได้ฟังแนวทางเจริญวิปัสสนาครั้งที่ 341 ก็ไปเปิดข้อความในขุททกนิกาย อุทาน โสณเถรวรรคที่ ๕ ราชสูตร เล่ม ๑ ภาค ๓ หน้า 480 มีข้อความว่า

"...ลำดับนั้นแล พระเจาปเสนทิโกศลตรัสถามพระนางมัลลิกาเทวีวา ดูกอนนางมัลลิกา มีใครอื่นบางไหมที่นองรักยิ่งกวาตน พระนางมัลลิกากราบทูลวา พระพุทธเจาขา หามีใครอื่นที่หมอมฉันจะรักยิ่งกวาตนไม ก็ทูลกระหมอมเลามีใครอื่นที่รักยิ่งกวาพระองค เพคะ.

ป. ดูกอนนองมัลลิกา แมฉันก็ไมรักใครอื่นยิ่งกวาตน..."

หน้าที่ 482 แสดงว่า

"...พระราชาทรงดําริวา เราใหอิสริยยศเปนอันมากแกนาง ถากระไร เราพึงถามนางวา ใครเปนที่รักของเธอ นางทูลวา ขาแตมหาราชเจา พระองคเปนที่รักของหมอมฉัน แลวจักยอนถามเรา เมื่อเปนเชนนี้ เราจักตอบแกนางวา เธอเทานั้นเปนที่รักของเรา. ดังนั้น พระราชาเมื่อจะทรงทําสัมโมทนียะเพื่อใหเกิดความสนิทสนมกันและกัน จึงตรัสถาม.

ก็พระเทวี เปนบัณฑิต เปนอุปฏฐายิกาของพระพุทธเจา เปนอุปฏฐายิกาของสงฆ ทรงดําริวา ปญหานี้ไมควรเห็นแกหนากราบทูลพระราชา เมื่อจะทูลตามความเปนจริงนั้นแหละ จึงทูลวาพระพุทธเจาขา หมอมฉันไมมีใครอื่นที่จะเปนที่รักยิ่งไปกวาตน. พระเทวีแมตรัสแลวประสงคจะกระทําอรรถที่ตนยืนยันใหประจักษแกพระราชาดวยอุบาย จึงทูลถามพระราชาเหมือนที่พระราชาตรัสถามเองวา พระพุทธเจาขา ก็พระองคมีใครอื่นเปนที่รักยิ่งกวาตน. ฝายพระราชาไม
อาจกลับ (ความ) ได เพราะพระเทวีตรัสโดยลักษณะพรอมทั้งกิจ แมพระองคเองก็ตรัสโดยลักษณะพรอมทั้งกิจ จึงตรัสยืนยันเหมือนดังพระเทวีตรัสยืนยัน

ก็ครั้นตรัสยืนยันแลว เพราะความที่พระองคมีปญญาออน จึงทรงดําริอยางนี้วา เราเปนพระราชาผูเปนใหญในแผนดิน ครอบครองปกครองปฐพีมณฑลใหญ การจะยืนยันวา เราไมเห็นคนอื่นซึ่งเปนที่รักยิ่งกวาตน ดังนี้ ไมสมควรแกเราเลย แตนางนี้ เปนหญิงถอย ชาติชั่วเราตั้งไวในตําแหนงสูง ที่ยังไมรักเราผูเปนสามีอยางแทจริง ยังกลาวตอหนาเราวา ตนเทานั้นเปนที่รักแกตน ดังนี้ แลวจึงไมพอพระทัยประทวงวาเธอรักพระรัตนตรัยมากกวาหรือ

พระเทวีกราบทูลวา พระพุทธเจาขา หมอมฉันปรารถนาสุขในสวรรคและสุขในมรรคเพื่อตน แมพระรัตนตรัย หมอมฉันก็รัก เพราะฉะนั้น ตนนั่นแล จึงเปนที่รักยิ่งของหมอมฉัน. ก็สัตวโลกทั้งหมดนี้ รักคนอื่นก็เพื่อประโยชนตนเองเทานั้น แมเมื่อ
ปรารถนาบุตร ก็ปรารถนาวา บุตรนี้จักเลี้ยงดูเราในยามแก เมื่อปรารถนาธิดา ก็ปรารถนาวา ตระกูลของเราจักเจริญขึ้น เมื่อปรารถนาภริยา ก็ปรารถนาวา จักบําเรอเทาเรา เมื่อปรารถนาแมคนอื่นจะเปนญาติมิตรหรือพวกพอง ก็ปรารถนาเนื่องดวยกิจนั้นๆ ดังนั้น ชาวโลก เปนผูเห็นแตประโยชนตนเทานั้น จึงรักคนอื่น รวมความวา พระเทวี มีความประสงคอยางนี้แล..."

เพราะฉะนั้นคำตอบก็คือ "รักตนเป็นที่สุด" และ ที่กล่าวว่ารักคนอื่นๆ ทั้งหมด ก็เพื่อประโยชน์ของตนเอง พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า "เพราะเหตุที่สัตวทั้งหมดรักตัวเอง คือ รักสุข เกลียดทุกขอยางนี้ ฉะนั้น ผูรักตนเมื่อปรารถนาสุขเพื่อตน
ก็ไม่ควรเบียดเบียน ไมฆาสัตวอื่น โดยที่สุด แม้มดดํามดแดง ทั้งไมเบียดเบียนดวยวัตถุ มีฝามือ กอนดิน และทอนไม้ เปนตน จริงอยู เมื่อตนทําทุกขใหแกผูอื่น ทุกขนั้นเปนเหมือนกาวออกมาจากกรรมที่ตนทําไว้ แลวนั้น จักปรากฏในตนเวลาใกลตาย. ก็ขอนี้ เปนธรรมดาของกรรมนั่นแล"

ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 8 พ.ย. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 10 พ.ย. 2565

ขอบพระคุณ และยินดีในความดีด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Komsan
วันที่ 3 เม.ย. 2566

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ