เรียนถามเรื่องการทูลลาเพื่อปรินิพพานของพระอรหันต์
ทำไมพระอรหันต์ต้องกราบทูลลาเพื่อปรินิพพานและต้องแสดงปาฏิหารย์ก่อนดับขันธ์คะ
การทูลลาปรินิพพานของพระอรหันต์สาวกในสมัยครั้งพุทธกาล เป็นธรรมเนียมของพระสาวกที่มีความเคารพในพระศาสดา เพราะมีความเคารพเป็นอย่างสูงในพระศาสดาจึงต้องทูลลา ส่วนการแสดงปาฏิหารย์ต่างๆ ก็เพื่ออนุเคราะห์แก่ปุถุชนทั้งหลาย ที่ยังมีความสงสัยในคุณธรรมของพระอรหันต์ดังข้อความในเถรีคาถาดังนี้
เชิญคลิกอ่าน ...
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เมื่อเราจะไปไหน เราบอกลาใครไหมครับ บางครั้งบอก บางครั้งไม่บอก ถ้าต้องจากไปนานๆ ต้องบอกลาไหม บอก แล้วต้องบอกใคร บอกคนที่สนิทคุ้นเคยกับเราใช่ไหม ดังนั้น การที่พระอรหันต์ทูลลาปรินิพพาน ซึ่งเป็นการไป ไม่กลับมาอีกแล้ว จึงสมควรทูลลาปรินิพพาน ทำไมต้องบอกพระพุทธเจ้าหละ ไม่บอกคนอื่น เพราะพระพุทธเจ้า เป็นบุคคลที่เหมือนบิดา (คนสนิท) ที่ให้กำเนิด คือ ให้กำเนิดด้วยการให้บรรลุธรรมตามที่พระองค์ตรัสรู้ ดังนั้นพระอรหันต์ จึงมีความเคารพอย่างยิ่ง เมื่อปรินิพพานจึงทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้าครับ และการที่แสดงฤทธิ์นั้น ก็เพื่อประโยชน์สุขกับสัตว์โลกที่เข้าใจผิดก็เข้าใจถูก ผู้ที่มีศรัทธาอยู่แล้วก็มีศรัทธามากขึ้น แต่จำไว้เสมอว่าการแสดงฤทธิ์ไม่ใช่นัยสำคัญครับ แต่แสดงเพื่อประโยชน์จึงแสดงครับ ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ท่านพระสารีบุตรทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงประสงค์ให้ท่านแสดงธรรม หลังจากที่แสดงอิทธิฤทธิ์แล้ว ท่านจึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า และเหาะขึ้นไปแสดงปาฏิหาริย์หลายร้อยอย่าง แล้วปรารภธรรมกถา
ท่านพระสารีบุตรกล่าวธรรมกถาด้วยกายที่ปรากฏบ้าง ไม่ปรากฏบ้าง ด้วยกายเบื้องบน เบื้องล่าง หรือครึ่งกาย บางทีก็แสดงเป็นรูปพระจันทร์โดยไม่มีใครเห็น บางครั้งก็เป็นรูปพระอาทิตย์ บางครั้งก็เป็นรูปภูเขา บางทีก็เป็นรูปทะเล บางทีก็เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ บางทีก็เป็นเวสวัณมหาราช บางทีก็เป็นท้าวสักกมหาราช บางทีก็เป็นท้าวมหาพรหม เมื่อแสดงปาฏิหาริย์หลายร้อยอย่างอย่างนี้ ท่านพระสารีบุตรจึงกล่าวธรรมกถา ชาวพระนครทั้งสิ้นประชุมกันแล้ว ท่านเหาะลงแล้ว ได้ยืนถวายบังคมพระบาทพระผู้มีพระภาค
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะพระเถระว่า
สารีบุตร ธรรมปริยายนี้ ชื่ออะไร
ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า
ชื่อสีหนิกีฬิตะ พระเจ้าข้า
ที่มา อ่าน และฟังเพิ่มเติม