ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ราชนาวีสโมสร ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  22 ธ.ค. 2565
หมายเลข  45364
อ่าน  1,499

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อวันศุกร์ที่ ๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้รับเชิญจากคุณปารณีย์ เตชะมาถาวร สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๔๐๔๒ เพื่อไปสนทนาธรรมที่ ห้องเกียรตินาวี ราชนาวีสโมสร ท่าช้าง กรุงเทพมหานคร

อันดับแรก ขออนุญาตนำความบางตอน จากกระทู้ "สนทนาปัญหาสารพัน : พบพระธรรมเพราะถูกห้าม" ที่กล่าวแนะนำคุณปารณีย์ เตชะมาถาวร ท่านเจ้าภาพผู้จัดการสนทนาธรรมในครั้งนี้ ซึ่งให้เกียรติรับเชิญมาร่วมสนทนา ในรายการ "สนทนาปัญหาสารพัน" ที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดำริให้จัดรายการนี้ขึ้นโดยเชิญแขกรับเชิญมาร่วมสนทนากับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพื่อนำออกเผยแพร่ในสื่อต่างๆ ซึ่งมีข้อความดังนี้

"...คุณปารณีย์ เตชะมาถาวร เป็นผู้หนึ่งที่มีเรื่องราวในชีวิตที่น่าสนใจอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในชีวิตจากธุรกิจที่ทำอยู่ แล้ววันหนึ่งก็เกิดความคิดขึ้นมา ถึงความมีสาระที่แท้จริงของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และคิดขึ้นมาในบัดนั้นว่าควรได้ฟังพระธรรม จึงออกแสวงหาพระธรรมจากสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง ด้วยการแนะนำของเพื่อนๆ แต่ก็ยังรู้สึกลึกๆ ในใจ ว่ายังไม่ใช่

และในที่สุด แม้จะถูกห้ามจากเพื่อนสนิทว่าไม่ให้ฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ แต่ด้วยความเข้าใจพระธรรม ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ที่เคยได้สะสมมาในอดีตอนันตชาติ ทำให้เป็นผู้หนึ่งที่ไม่มีความหวั่นไหวไปกับคำของคนอื่น จึงได้เปิดฟัง ท่านอาจารย์ในยูทูป และเมื่อได้ฟังเพียงคำว่า "เห็นเดี๋ยวนี้ มีไหม?" ก็ทำให้รู้สึก "ระเบิด" ทันทีที่ได้ฟัง..."

จากคำปรารภของคุณปารณีย์ ถึง "ความคิดถึงความมีสาระที่แท้จริงของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์" ในรายการสนทนาปัญหาสารพันครั้งนั้น ได้นำมาสู่การกล่าวเพื่อเปิดการสนทนาธรรมในครั้งนี้ของคุณปารณีย์ ด้วยการนำข้อความบางตอนจาก คำกล่าวของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในโอกาสเข้ารับรางวัลสตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนา เนื่องในวันสตรีสากลขององค์การสหประชาชาติ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาปรารภก่อนการสนทนา ดังนี้...

"... เราควรจะรู้จุดประสงค์ของการฟังธรรมว่า มิใช่เพื่อตนเอง มิใช่เพื่อลาภสักการะ ชื่อเสียง มิใช่เพื่อการยกย่องว่าเป็นคนฉลาด มีปัญญา จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นเพื่อรู้จักตนเอง รู้ความจริงว่า ยังไม่เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง เช่น ไม่รู้ความจริงว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นธรรมอย่างหนึ่ง และเสียงที่ปรากฏทางหูก็เป็นธรรมอีกอย่างหนึ่ง เป็นต้น

ความเข้าใจพระธรรม การอนุเคราะห์ผู้อื่นให้เข้าใจและเห็นประโยชน์ของพระธรรมนั้น เป็นสาระสำคัญที่สุดในชีวิต การสงเคราะห์ช่วยเหลือสังคมนั้น ไม่มีวันจบสิ้น และไม่สามารถให้เกิดความสงบสุขได้ เมื่อไม่เข้าใจพระธรรม ความทุกข์ก็จะบรรเทาและหมดสิ้นไปไม่ได้ เพราะไม่รู้เหตุที่แท้จริงของปัญหาต่างๆ เหตุที่แท้จริงของปัญหาและความทุกข์ทั้งหลายนั้นก็ คือ โลภะ โทสะ โมหะ ..."

อันต่อไป ขออนุญาตนำความบางตอนในช่วงเริ่มต้นของการสนทนา ที่มีแม่ชีและคณะ ได้เดินทางมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมฟังและร่วมสนทนาในครั้งนี้ และเนื่องจากความการสนทนานี้ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้เมตตาสนทนาด้วยความละเอียด ไพเราะ ตามลำดับ จึงจะขอถอดความลงไว้ทั้งหมด เพื่อประโยชน์แก่ผู้สนใจ จะค่อยๆ อ่าน และพิจารณา ไตร่ตรองไป ทีละคำ โดยลำดับ เพื่อความเข้าใจในหนทางของการศึกษาและปฏิบัติธรรม ที่ถูกต้องและมั่นคงขึ้น ตรงตามที่ได้ทรงตรัสรู้และได้ทรงมีพระมหากรุณาทรงแสดงไว้ ดังนี้

แม่ชี แม่ชีก็บวชมาสิบกว่าปีแล้วค่ะ พอที่จะมีพื้นฐานของวิปัสสนา ก็รู้ว่า ตัวรู้ก็คือธาตุรู้ ที่อาจารย์ได้บรรยาย ได้สนทนาธรรม ก็ได้ฟัง พอมาฟัง ก็ได้ตัว "ทีละหนึ่ง" ของอาจารย์ ก็เข้ากันได้กับที่เคยฝึกมา ที่ว่า "ตัวรู้" ก็มีความเข้าใจ เข้าใจมากๆ เลย คือเข้าใจง่ายขึ้น แล้วก็นำมาปฏิบัติ ทุกวันนี้ ฟังอาจารย์อยู่ตลอด ไม่ได้ละเว้น คือเห็นว่าถูกต้องตามความเป็นจริง แล้วก็สนใจในประโยชน์ตรงนี้ ที่จะได้รับในอนาคตชาติ ก็ตั้งใจว่า จะศึกษาตรงนี้ไป แล้วก็นำมาปฏิบัติ แล้วก็ทำความเข้าใจให้มากขึ้น ไปเรื่อยๆ

อ.สุจินต์ ต้องไม่ลืมนะคะ เดี๋ยวนี้ มีอะไร?

แม่ชี สิ่งที่ปรากฏ ค่ะ

อ.สุจินต์ "สิ่งที่ปรากฏ" พูดง่ายมาก แต่ว่า..กว่าจะรู้ความจริง!! แม้แต่คำว่า "สิ่งที่ปรากฏ" เพราะว่า ขณะนี้ก็ "เห็นเป็นคน" แล้วใช่ไหม? เพราะฉะนั้น "เป็นคน" หรือว่า "เป็นสิ่งที่ปรากฏ"

แม่ชี เป็นสิ่งที่ปรากฏ ค่ะ

อ.สุจินต์ เพียงแค่ได้ฟัง เท่านั้นหรือคะ?

แม่ชี คือฟังแล้วก็พอจะเข้าใจ

อ.สุจินต์ พอจะเข้าใจ? เข้าใจ "คำ" แต่ขณะนี้ จริงๆ แล้ว "รู้ตรง สิ่งที่ปรากฏ" หรือเปล่า?

แม่ชี รู้ตรง ค่ะ

อ.สุจินต์ เดี๋ยวนี้ "สิ่งที่ปรากฏ" คืออะไรคะ? "ตรงสิ่งที่ปรากฏ"

แม่ชี ตรง ก็คือ สิ่งที่เห็น ค่ะ แล้วก็มี สิ่งที่ได้ยิน

อ.สุจินต์ เคยทราบไหมคะ "เดี๋ยวนี้ สิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ได้ปรากฏดี ตามความเป็นจริง"

แม่ชี เมื่อก่อน คือ สิ่งที่ปรากฏ ก็ไม่เคยรู้ว่า ตรงความเป็นจริงนี่ ไม่ทราบมาก่อน

อ.สุจินต์ แต่ว่า เราไม่ประมาทแต่ละคำ เพราะว่า เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เราไม่สามารถที่จะ "เข้าถึง" ความหมายที่แท้จริง ที่ลึกซึ้ง ของทุกคำที่พระองค์ตรัส จนกว่าจะได้ฟัง แล้วค่อยๆ ไตร่ตรอง เพราะว่า คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า งามในเบื้องต้น เพราะเป็นความจริง ที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่ความจริงเท่านั้น แต่ เป็นความจริงที่ลึกซึ้ง

เพราะฉะนั้น งามในเบื้องต้น คือ เห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ของทุกคำที่พระองค์ตรัส จากการที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเราเพียงตอบว่า ขณะนี้เห็นอะไร ง่ายมากที่จะตอบว่า เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา แต่ "ความรู้ความเข้าใจ ที่ลึกซึ้ง" คืออะไร? ขณะที่เห็น เป็น "เราเห็น" หรือ "ไม่ใช่เรา" สิ่งที่ปรากฏทางตา จะปรากฏเป็นสิ่งที่เหมือนมีอยู่ทั้งโลกเลย ออกไปข้างนอกก็มีถนนหนทาง มีคน มีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ความจริง นั่นหรือคือสิ่งที่ปรากฏทางตา? นี่คือความลึกซึ้ง

ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ต้องพิจารณาอย่างละเอียด ทำไมพระองค์ตรัสถึงสิ่งที่ปรากฏทางตา? ใครๆ ก็ "เห็น" พระองค์ตรัสให้เห็นถึงสิ่งที่ปรากฏทางตาธรรมดา หรือว่า ข้อความในพระไตรปิฎก มีว่า "สิ่งที่ปรากฏ ไม่ได้ปรากฏดี" ไม่ปรากฏดี หมายความว่าอย่างไร? แค่นี้!! เรา "เข้าถึงความหมาย" ของแต่ละคำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเปล่า?

เดี๋ยวนี้ ปรากฏเป็นพวงมาลัย "ปรากฏดีไหม?"

แม่ชี ตรงนี้ ไม่เข้าใจค่ะ

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า เรา "เหมือนเข้าใจ" ถ้าเราไม่ลึกซึ้ง แต่ถ้าเราลึกซึ้ง จะรู้ได้เลย กว่าจะรู้สิ่งที่พระองค์ตรัส ซึ่งมีทุกวัน ปรากฏตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ง่าย แม้แต่คำว่า "ธรรมะ" คือ "สิ่งที่มีจริง" ต้องลึกซึ้งกว่าที่เรา "เคยคิด" ใช่ไหม? เราเคยคิดว่าโต๊ะมีจริง คนมีจริง แล้วความจริง ของสิ่งที่มีจริง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ คือ อะไร?

เหมือนเดี๋ยวนี้เลย แต่เดี๋ยวนี้ คนที่ไม่รู้ ก็เห็นเป็นพวงมาลัย เห็นเป็นโต๊ะ เห็นเป็นคน แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึง "สิ่งที่ปรากฏทางตา" ที่กระทบตา และ "เห็น" เกิดขึ้น "เห็น" จึงปรากฏว่า "มีสิ่งนั้น" ซึ่ง ไม่ใช่พวงมาลัย!! ถูกไหม? แล้วเป็นอะไร?

แม่ชี เป็นรูปค่ะ

อ.สุจินต์ หมายความว่าอะไรคะ รูป?

แม่ชี รูป คือ พวงมาลัย ค่ะ

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น พวงมาลัยเป็นรูป แต่..ลองกระทบสัมผัสสิคะ เคยจับไหม?

แม่ชี อ๋อ ค่ะๆ

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น คำว่า "รูป" ที่เราพูดกัน ไม่ใช่คำที่พระองค์ตรัสรู้แล้วทรงแสดงว่า คำนี้หมายความถึงอะไร ซึ่งภาษาบาลีจะใช้คำว่า รู-ปะ-ธัม-มะ, ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง และสิ่งที่มีจริงนั้นเป็นรูป ไม่ใช่พวงมาลัยเป็นรูป โต๊ะเป็นรูป ใช่ไหม แต่ สิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ปรากฏได้แต่ละทาง ทั้งวัน มีสิ่งที่ปรากฏ ทางตาก็เห็น ทางหูก็ได้ยิน ทางจมูกได้กลิ่น ทางลิ้นลิ้มรส ทางกายก็กระทบสัมผัส ตั้งแต่ตื่น ตลอด แต่ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ความจริง ของสิ่งที่มีจริงๆ แต่ "ไม่ได้ปรากฏดี" ฟังง่ายหรือฟังยาก คะ?

แม่ชี อาจารย์คะ ไม่ได้ปรากฏดี นี่คืออะไร คะ?

อ.สุจินต์ นี่สิคะ เพราะฉะนั้น เราจะไปบอกว่า เรารู้หมดแล้ว ทางตา หู ไม่ใช่เรา เป็นรูป ใช้คำว่า เป็นรูป แต่ เป็นรูป "เป็นคำพูด" ต้องเข้าใจความหมายจริงๆ ว่า สิ่งที่มีจริง แต่ละหนึ่ง ต้องมี "ลักษณะ" ของสิ่งนั้นๆ "ปรากฏให้รู้ว่า..มี"

เพราะฉะนั้น ทุกคำ เปลี่ยนใหม่หมดเลยนะคะ จากที่เคยคิดว่าเข้าใจแล้ว เป็น ยังไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่เข้าใจแต่ละคำ ของพระองค์ ที่ลึกซึ้ง

จริงๆ แล้ว "สภาพธรรมะที่มี" เราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า "เป็นธรรมะ" แต่ "เป็นเรา" เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ "ลองคิด" ก่อนเห็น มี "เห็น ไหม?

แม่ชี ก่อนเห็น มีเห็นไหม? ก่อนเห็น? ก่อนเห็น มีเห็นไหม? มีหรือไม่มี (หัวเราะ)

อ.สุจินต์ เห็นไหม? จะไปวิปัสสนา จะไปปฏิบัติ จะไปรู้ นาม-รูป เป็นไปไม่ได้เลย ต้องเป็นคนที่ตรง ว่า ไม่รู้จึงได้ฟังคำ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงเมื่อได้ทรงตรัสรู้แล้ว ถึงสิ่งที่มี แต่ไม่มีใครรู้ พระองค์ได้บำเพ็ญพระบารมีเพื่อที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งใครๆ ก็รู้ไม่ได้ เพราะ "ไม่ปรากฏดี" แต่ละคำ ลึกซึ้งมาก

ด้วยเหตุนี้ จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อได้เริ่มเข้าใจแต่ละคำของพระองค์ ว่า หมายความถึง "สิ่งที่ลึกซึ้ง" ที่คนอื่น ไม่รู้แน่นอน!! จนกว่าจะฟังแต่ละคำ แล้วค่อยๆ ไตร่ตรอง จน "รู้ขึ้น"

เช่น เมื่อกี้ถาม จากการที่คิดแล้ว เป็นวิปัสสนา ก็มาได้ฟังคำถาม ซึ่งยากที่จะตอบ ทั้งๆ ที่ เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าไม่ไตร่ตรองคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำ ไม่สามารถที่จะรู้ความจริง..ที่ลึกซึ้ง..ตามลำดับ..ที่เข้าใจ...ลึกซึ้งอย่างยิ่ง จนกระทั่งถึงขณะที่รู้แจ้งความจริง ที่พระองค์ได้ตรัสรู้ ซึ่งจะต้องอาศัยการฟัง โดยเข้าใจถูกต้องว่า ก่อนฟังไม่ได้รู้อย่างนี้เลย!! มีเราไหม?

แม่ชี มีค่ะ

อ.สุจินต์ มีพวงมาลัยไหม?

แม่ชี อ๋อ..ยังมีเรา แต่ว่าตอนนี้เมื่อได้ฟังท่านอาจารย์แล้ว ก็ต้องละเรา ไม่มีเรา

อ.สุจินต์ ต้องละได้อย่างไรคะ?

แม่ชี ก็ ไม่มีเราค่ะ

อ.สุจินต์ อยู่ดีๆ ก็ไม่มีเรา และ ต้องละ อย่างนั้นหรือคะ?

แม่ชี ไม่ต้องละก็ได้ค่ะ ไม่ต้องใช้คำว่าละก็ได้ คือ ไม่มีเรา สติ ระลึกรู้ว่า ไม่มีเรา

อ.สุจินต์ สติ คือ อะไรคะ?

แม่ชี คือ การระลึกรู้

อ.สุจินต์ เช่น...

แม่ชี เอ่อ...ตรงนี้ ตอบไม่ได้ค่ะ

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น ทั้งหมด ทิ้งไปเลยค่ะ ไม่ต้องสนใจอีกต่อไป จนกว่าจะเข้าใจแต่ละคำ ซึ่งเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคำที่จริงถึงที่สุด แต่กว่าที่จะประจักษ์แจ้งความจริงนั้น ต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งขึ้น ตามลำดับ และ ทุกคำ เปลี่ยนไม่ได้เลย เมื่อกี้นี้ บอกว่า ไม่มีเรา ถูกต้องไหม? แล้วมีอะไร?

แม่ชี มีสิ่งที่ปรากฏ ค่ะ

อ.สุจินต์ อะไรล่ะคะ?

แม่ชี สิ่งที่เห็นหรือคะ

อ.สุจินต์ ค่ะ สิ่งที่ปรากฏ คืออะไร

แม่ชี สิ่งที่ปรากฏ ตอนนี้ก็มี "ได้ยิน" ค่ะ กับ "เสียง"

อ.สุจินต์ "ได้ยิน" กับ "เสียง" กับ "สิ่งที่ปรากฏทางตา" เหมือนกันไหม?

แม่ชี คนละอย่างค่ะ


อ.สุจินต์ นี่ "คิด" แต่ยังไม่ใช่ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ว่า จากคำถาม ก็ค่อยๆ ไตร่ตรอง "เริ่มไตร่ตรอง" เพราะว่าปรกติ ไม่ได้ไตร่ตรอง เห็นก็เห็นไปเลย แต่ไม่เคยคิดว่า "เห็น" มี "ได้ยิน" มี ทีละหนึ่งขณะ แล้วก็ ขณะใดที่มี สิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฏ สิ่งอื่นจะปรากฏด้วย ไม่ได้!! นั่นคือ "ปรากฏดี!!

แม่ชี อ๋อ ค่ะๆ

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ สิ่งที่กำลังปรากฏ ปรากฏดีหรือเปล่า?

แม่ชี ปรากฏดีค่ะ

อ.สุจินต์ มีอะไรบ้างคะ ที่ปรากฏ

แม่ชี (คิด..) ปรากฏ... ณ ขณะนี้ ก็คือ ได้ฟัง ได้ฟัง อาจารย์

อ.สุจินต์ ค่ะ ได้ยิน แล้วอะไรอีกคะ?

แม่ชี ก็มี "เห็น"

อ.สุจินต์ พร้อมกันไหม?

แม่ชี ไม่พร้อมค่ะ

อ.สุจินต์ อะไรเกิดก่อน?

แม่ชี คือ "เสียง" เสียงเกิดก่อน

อ.สุจินต์ ค่ะ แล้ว "ได้ยิน" อยู่ไหน? ขณะที่ "เสียง" ปรากฏ

แม่ชี ได้ยินอยู่ ณ ขณะนี้ค่ะ

อ.สุจินต์ แล้วมีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นด้วย ใช่ไหม?

แม่ชี ค่ะ มีค่ะ

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น ปรากฏดีไหม?

แม่ชี ปรากฏดี ค่ะ

อ.สุจินต์ ในขณะที่กำลังเห็นด้วย ได้ยินด้วยนี้ จะปรากฏดีไหม?

แม่ชี ต้องทีละหนึ่ง ค่ะ

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น ขณะนี้ ทีละหนึ่ง หรือว่า กำลังพูด ก็มีเห็นด้วย?

แม่ชี ค่ะ มีค่ะ

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น ปรากฏดีไหม?

แม่ชี ถ้าพร้อมกันก็ไม่ได้ค่ะอาจารย์ ต้องทีละหนึ่ง

อ.สุจินต์ แล้วเดี๋ยวนี้ พร้อมหรือทีละหนึ่ง?

แม่ชี เหมือนพร้อมค่ะ

อ.สุจินต์ เหมือนพร้อม เพราะไม่รู้ ใช่ไหม ถ้าไม่เคยฟังเลย ก็ต้องตอบว่าพร้อมกัน แต่ถ้าฟังแล้ว กว่าจะเข้าใจได้ สิ่งที่ปรากฏ ปรากฏได้ทีละหนึ่ง เพราะอะไร? ทำไมไม่เหมือนอย่างที่เคยปรากฏมากมาย

แม่ชี เพราะ ธาตุรู้ค่ะ จิตค่ะ รู้ได้ทีละหนึ่ง

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น ขณะนี้ "จิต" ปรากฏไหม? "ธาตุรู้" ปรากฏหรือยัง?

แม่ชี ปรากฏ ค่ะ

อ.สุจินต์ ปรากฏเป็นอะไรคะ?

แม่ชี เป็น "เห็น" ค่ะ

อ.สุจินต์ เป็น "เห็น" นะคะ แล้ว เวลา "ได้ยิน" ธาตุรู้ ปรากฏไหม?

แม่ชี ก็ปรากฏด้วย แต่ทีละหนึ่งค่ะ

อ.สุจินต์ หมายความว่า "ไม่ใช่เรา" ใช่ไหม?

แม่ชี ค่ะ ไม่ใช่เรา

อ.สุจินต์ เดี๋ยวนี้ ใครได้ยิน?

แม่ชี ใครได้ยิน? อ๋อ จิตเห็น จิตได้ยิน ค่ะ

อ.สุจินต์ เดี๋ยวนี้ ใครเห็น?

แม่ชี จิตเห็นค่ะ ธาตุรู้

อ.สุจินต์ รู้จักจิตเห็นหรือยัง?

แม่ชี รู้แล้วค่ะ

อ.สุจินต์ จิตเห็น "ปรากฏดี" แล้วหรือคะ?

แม่ชี ค่ะ

อ.สุจินต์ ถ้าปรากฏดี หมายความว่า ขณะนั้น ต้องไม่มีอะไรเลยทั้งโลก

แม่ชี อ๋อ ค่ะ

อ.สุจินต์ ทุกคำ ต้องไตร่ตรองทุกคำ ขณะที่ "เห็น" ปรากฏ เมื่อกี้นี้บอกว่า "เห็น" เป็น "ธาตุรู้" ถูกต้องไหม? เพราะฉะนั้น คำถามว่า "ธาตุรู้" ที่ "เห็น" เดี๋ยวนี้ "ปรากฏดี" หรือยัง?

แม่ชี ดีแล้วค่ะ

อ.สุจินต์ ดีแล้วเป็นอย่างนี้หรือ? ถ้าปรากฏดี แล้วจะเป็นอย่างนี้หรือ?

แม่ชี อย่างไรคะ?

อ.สุจินต์ ก็เดี๋ยวนี้กำลังเห็นสิ่งต่างๆ ใช่ไหม? นั่น ปรากฏดีไหม? เห็นเป็นคน นั่งอยู่ตรงนี้ ปรากฏดีไหม?

แม่ชี ปรากฏดีไหม?

อ.สุจินต์ แล้วได้ยินด้วย เมื่อกี้นี้ มีเห็น มีได้ยิน ใช่ไหม? ถามว่า สภาพรู้ซึ่งเป็นธาตุรู้ ปรากฏดีไหม? ดีหรือยัง? ข้อความในพระไตรปิฎก สภาพธรรมไม่ได้ปรากฏดี เมื่อไม่มีปัญญา

แม่ชี อ๋อ..ค่ะ ต้องมีปัญญา นะคะอาจารย์

อ.สุจินต์ แล้วปัญญาคืออะไรคะ?

แม่ชี ปัญญา คือ การเข้าใจ

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ เข้าใจอะไรหรือเปล่า?

แม่ชี เข้าใจว่า ไม่มีเรา เป็นธรรมะ

อ.สุจินต์ พูดตาม

แม่ชี พูดตามอาจารย์ (หัวเราะ)

อ.สุจินต์ แต่ "ธาตุรู้" ก็ไม่ได้ปรากฏเพียงหนึ่ง "เสียง" ก็ไม่ได้ปรากฏเป็นหนึ่ง "สิ่งที่ปรากฏทางตา" ก็ไม่ได้ปรากฏเป็นหนึ่ง ไม่รู้กี่ชาติที่เกิดมาแล้ว สภาพธรรมะไม่ได้ปรากฏเพียงหนึ่ง แต่ปรากฏรวมกัน ใช่ไหม?

แม่ชี ใช่ค่ะ ใช่

อ.สุจินต์ คนเกิด รวมกันแล้ว ปลาตัวหนึ่ง ก็รวมกันเป็นปลา ไม่ใช่ "เพียงหนึ่ง" ที่ปรากฏจริงๆ เพราะฉะนั้น ลึกซึ้งไหม?

แม่ชี ค่ะ ลึกซึ้งมาก

อ.สุจินต์ จริงหรือเปล่า?

แม่ชี ค่ะ จริงค่ะ

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น ก็ต้องมั่นคงต่อความจริง ต้องฟังอย่างละเอียด และที่เคยคิดว่ารู้แล้ว เข้าใจแล้ว ก็เปลี่ยนเป็น เริ่มฟังทีละคำ แล้วก็ไตร่ตรอง จนกระทั่ง รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสรู้ความจริง จึงทรงแสดงความจริงที่ลึกซึ้ง ถ้าไม่มีความเข้าใจความจริง จะไม่ปรากฏความลึกซึ้งเลย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไรบ้างคะ? ทีละคำ

แม่ชี ไม่ทราบค่ะ ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย

อ.สุจินต์ รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม?

แม่ชี ก็รู้แต่ว่าเป็นพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ ว่าเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อ.สุจินต์ เพราะฉะนั้น เป็นชาวพุทธหรือเปล่า? และ บวชคืออะไร? เป็นใคร? ในพุทธบริษัททั้งหมดนี้ ราตู่ คิดเอง เข้าใจเอง พูดเอง แต่ไม่ตรง ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เริ่มใหม่ดีไหม?

แม่ชี ค่ะ เริ่มใหม่

อ.สุจินต์ เริ่มอย่างไร?

แม่ชี เริ่มใหม่ ก็ต้องฟังคำจริง ฟังคำที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง ค่ะ

อ.สุจินต์ เริ่มรู้ความจริงว่า ไม่รู้อะไรที่ถูกต้องเลย!!

แม่ชี อ๋อ ค่ะ

อ.สุจินต์ ไม่รู้จริงๆ ค่ะ ได้ยินแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ "เหมือนรู้" พูดว่าอะไรก็จำได้ ตอบถูก นามธรรม รูปธรรม แต่ ไม่ได้ประจักษ์แจ้งลักษณะ ซึ่งเป็นนามธรรม ไม่ใช่เป็นรูปธรรม แต่จำได้ ว่ามีสองคำ นามธรรมอย่างหนึ่ง รูปธรรมอย่างหนึ่ง และธรรมะคือสิ่งที่มีจริง ฟังอย่างนี้ เข้าใจไหมคะ? หรือเพียงจำ

แม่ชี ถ้าไม่ได้ศึกษามาก่อน ก็ แค่จำ

อ.สุจินต์ ค่ะ ถูกต้องนะคะ ก็ขอยินดีในกุศล ที่เป็นผู้ที่ไม่ประมาท ที่จะรู้ว่า ความไม่รู้ เดี๋ยวนี้ ทั้งหมดเลย ทางตาที่เห็น ทางหูที่ได้ยิน ทางใจที่คิดนึก ความจำว่าเป็นเรา ยังอยู่ครบถ้วน กว่าจะหมดสิ้น ดับ ไม่เกิดอีกเลย!! เพราะประจักษ์แจ้งลักษณะของความจริง จึงสามารถที่จะละการยึดถือสภาพธรรมะ ที่ยึดถือมานานแสนนาน ในสังสารวัฏฏ์ เพราะไม่เคยได้ฟัง ไม่เคยได้ไตร่ตรอง ไม่เคยได้รู้ความจริง

นี่คือการเริ่มต้น ที่จะฟังอย่างละเอียด แล้วก็เข้าใจทุกคำจริงๆ "สิ่งที่มีจริง" ในภาษาบาลี ใช้คำว่า "ธรรมะ" ภาษาไทย เราไม่ได้พูดภาษามคธี หรือภาษาบาลี เราก็พูดภาษาของเรา แต่ความหมายตรงกัน จะใช้ภาษาไหนก็ได้ หมายความถึง มีสิ่งที่มีจริงตั้งแต่เกิด แต่ไม่ได้รู้ความจริงเลย จึงได้มีคำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เราได้ยิน เป็นใคร? ผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริง ถึงที่สุด โดยประการทั้งปวง ตามลำดับขั้น

ขั้นฟัง ต้องไตร่ตรอง จนกระทั่งเข้าใจมั่นคง ด้วยความเพียร เพราะว่า ฟังครั้งเดียวไม่พอ จนกว่าจะเข้าใจขึ้น เป็นวิริยะ เป็นบารมี ถ้าไม่มีความอดทนที่จะฟัง จนกระทั่งเข้าใจขึ้น ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงทุกขณะ แต่ไม่ปรากฏตามความเป็นจริง ก็ยินดีด้วยในกุศล นะคะ ที่ได้เริ่มต้นค่ะ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในความดีทุกประการของคุณปารณีย์ เตชะมาถาวร
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่าน ครับ


ขอเชิญติดตามชมบันทึกการสนทนาธรรมในครั้งนี้ ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง :

ขอเชิญชมรายการสนทนาปัญหาสารพัน ตอน พบพระธรรมเพราะถูกห้าม (แขกรับเชิญ คุณปรณีย์ เตชะมาถาวร) คลิกที่ลิงก์ด้านล่าง :

และ ขอเชิญคลิกชมกระทู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง :

- สนทนาปัญหาสารพัน : พบพระธรรมเพราะถูกห้าม

- จุดประสงค์ของการฟังธรรม และ การศึกษาธรรม

- ความเข้าใจพระธรรมเป็นสาระสำคัญที่สุดในชีวิต

- ตั้งจิตไว้ชอบในการศึกษาธรรม

คลิกฟัง : "พระธรรมเป็นเหมือนกระจกส่องจิตอย่างไร"


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 22 ธ.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Papsi
วันที่ 22 ธ.ค. 2565

เข้าใจธรรมะคือเข้าใจสิ่งที่มีจริง ในความเมตตาที่ท่านอาจารย์สุจินต์ แจ้งให้เรา (จิตและเจตสิก) ได้ฟังได้ไตร่ตรอง จนเข้าใจ และเข้าใจเพิ่มขึ้น จนประจักษ์แจ้ง นำสู่ละความเป็นเรา ขอบพระคุณและอนุโมทนาท่าน อาจารย์วันชัยที่นำมาให้เห็น (ฟัง) พร้อมไตร่ตรอง ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มังกรทอง
วันที่ 22 ธ.ค. 2565

เข้าใจธรรมะคือเข้าใจสิ่งที่มีจริง ในความเมตตาที่ท่านอาจารย์สุจินต์ แจ้งให้เรา (จิตและเจตสิก) ได้ฟังได้ไตร่ตรอง จนเข้าใจ และเข้าใจเพิ่มขึ้น จนประจักษ์แจ้ง นำสู่ละความเป็นเรา ขอบพระคุณและขอน้อมอนุโมทนาท่านอาจารย์วันชัย ที่นำมาให้เห็น (ฟัง) พร้อมไตร่ตรอง ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ธ.ค. 2565

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 23 ธ.ค. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และยินดีในความดีของคุณวันชัย ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Kalaya
วันที่ 28 ธ.ค. 2565

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์และอนุโมทนากับการเผยแพร่พระธรรมคำสอน ให้ดำรงอยู่แด่ชนทั้งหลาย ไม่อันตรธานก่อนพุทธกาลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
papon
วันที่ 29 ธ.ค. 2565

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ