รูปที่รู้ได้ทางกายสัมผัส

 
chaweewanksyt
วันที่  28 ธ.ค. 2565
หมายเลข  45439
อ่าน  789

อยากทราบว่า ธาตุน้ำ ที่เป็นรูป รู้ได้ทางกายมีลักษณะอย่างไร

จากการรู้ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตรึงไหวที่เป็นธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุลม ค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 28 ธ.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธาตุน้ำ คือ อาโปธาตุ [สภาพธรรมใด ย่อมเอิบอาบ คือ แผ่ไปสู่รูปที่เกิดร่วมกันหรือสภาพธรรมใด ยังรูปที่เกิดร่วมกันให้แนบแน่น ให้พอกพูน คือ ให้เจริญ สภาพธรรมนั้นชื่อว่า อาโปธาตุ] เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นรูปธรรม เป็นรูปที่ละเอียดซึ่งไม่ปรากฏทาง ๕ ทวาร คือ ไม่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น และ ทางกาย แต่ปรากฏให้รู้ได้ทางมโนทวารเท่านั้น เพราะธาตุน้ำ เป็นรูปที่ละเอียด และ ที่สำคัญ เวลาที่กระทบสัมผัส ก็มีเพียงเย็น ร้อน อ่อน แข็ง หรือ ตึง ไหว เท่านั้น ความเป็นธาตุน้ำ ไม่ได้ปรากฏทางกาย

ก็ต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาพิจารณาไตร่ตรองพระพระธรรมต่อไป ครับ

ข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้

"ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งเป็นมหาภูตรูป สำหรับที่เป็นโผฏฐัพพะนั้น มีเพียง ๓ รูป คือ ธาตุดิน ธาตุไฟ ธาตุลม สำหรับธาตุน้ำ ไม่ใช่โผฏฐัพพารมณ์เพราะเหตุว่าลักษณะของธาตุน้ำ คือ อาโปธาตุ คือ

บทว่า อาโป ความเอิบอาบเป็นการแสดงสภาวะ อาโปนั่นแหละ เรียกว่า อาโปคตํ ธรรมชาติที่เอิบอาบ ที่ชื่อว่า สิเนโห ความเหนียว ด้วยอำนาจที่เป็นยางใยแห่งความเหนียวนั่นแหละ เรียกว่า สิเนหคตํ ธรรมชาติที่เหนียว

บทว่า พนฺธนตฺตํ รูปสฺส ธรรมชาติเครื่องเกาะกุมรูป ได้แก่ ธรรมชาติ เป็นเครื่องประกอบภูตรูปมีปฐวีเป็นต้น จริงอยู่ อาโปธาตุควบคุมวัตถุทั้งหลายมีแท่งเหล็กเป็นต้นไว้ แล้วย่อมทำให้ติดกัน ธรรมชาติทั้งหลายมีก้อนเหล็กเป็นต้นเหล่านั้น ชื่อว่า ติดกันอยู่ เพราะความที่อาโปธาตุนั้นเป็นเครื่องเกาะกุมไว้ แม้ในแผ่นหิน ภูเขา ต้นตาล หน่อไม้ งาช้าง และเขาโค เป็นต้น ก็นัยนี้เหมือนกันก็อาโปธาตุเท่านั้น เกาะกุมวัตถุเหล่านั้นทั้งหมด กระทำให้ติดกัน ธรรมชาติเหล่านั้น ชื่อว่า เป็นธรรมชาติติดกัน ก็เพราะถูกอาโปธาตุควบคุมไว้ด้วยเหตุนี้ เมื่อกระทบสัมผัสทีไร ก็จึงเป็นแต่เพียงปฐวี หรือเตโช หรือ วาโย แต่ว่าไม่สามารถที่จะกระทบสัมผัสอาโปธาตุ ซึ่งไหลเอิบอาบ ซึมซาบเกาะกุมธาตุที่เกิดร่วมด้วย"

...ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chaweewanksyt
วันที่ 28 ธ.ค. 2565

ขอบพระคุณ และอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pdharma
วันที่ 28 ธ.ค. 2565

เรียนถาม ความคิดเห็นที่ 1 ครับ

ดังนั้น เมื่อปฐวีธาตุเปลี่ยนไปเป็นอาโปธาตุซึ่งมีความไหลออกเป็นลักษณะ จากเดิมที่รับรู้ทางกายได้ ก็จะไม่สามารถรับรู้ทางกายได้ แต่รับรู้ได้ทางมโนทวารเท่านั้น ใช่หรือไม่ครับ

ขอขอบพระคุณ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 28 ธ.ค. 2565

เรียน ความคิดเห็นที่ ๓

ธาตุดิน เป็นธาตุดิน ธาตุน้ำเป็นธาตุน้ำ ธาตุไฟ เป็นธาตุไฟ และธาตุลมเป็นธาตุลม แต่ละธาตุเป็นแต่ละธาตุ เวลาเกิดก็เกิดพร้อมกันทั้งหมด แต่เฉพาะธาตุน้ำเท่านั้นที่สามารถรู้ได้ทางใจ ครับ

...ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 28 ธ.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
lada
วันที่ 30 ธ.ค. 2565

อ่านข้างบนที่คุณ khampan.a บอกแล้วยังงงค่ะว่าทำไมธาตุน้ำถึงรับรู้ได้ทางใจ ยกตัวอย่างได้ไหมคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 3 ม.ค. 2566

เรียนความคิดเห็นที่ ๖ ครับ

เป็นความละเอียดของธรรม ธาตุน้ำ (อาโปธาตุ) เป็นรูปที่ละเอียด เป็นสภาพที่เกาะกุมธาตุที่เกิดด้วยกัน ไม่ให้แยกจากกัน ดังนั้น เวลากระทบสัมผัสเมื่อใด ก็มีแต่อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว เย็นหรือร้อน เท่านั้น ที่ปรากฏ ไม่อาจจะกระทบสัมผัสธาตุน้ำซึ่งซึมซาบเกาะกุมธาตุที่เกิดร่วมด้วย ได้เลย นี้คือ ความเป็นจริง ธาตุน้ำ ซึ่งเป็นรูปที่ละเอียด ไม่ได้ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น และทางกาย แต่ปรากฏทางใจ สำหรับผู้ที่มีปัญญา เข้าใจความจริง ก็สามารถรู้ธาตุน้ำ ตามความเป็นจริงได้ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ม.ค. 2566

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ